ทวงเงินออมสินหักเงินกองทุนช.พ.ค.แทนลูกหนี้
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
ทวงเงินออมสินหักเงินกองทุนช.พ.ค.แทนลูกหนี้บอร์ด สกสค.มึนตึบ หลังตรวจพบแบงก์ออมสินหักเงินในบัญชีกองทุน ช.ค.พ. เพราะสมาชิกที่เป็นลูกหนี้ผิดนัดชำระโดยพลการ มูลค่ากว่า 86 ล้านบาท เตรียมส่งหนังสือทวงคืน "ณรงค์" ส่ง "พินิจศักดิ์" คุยกับธนาคารให้รู้เรื่อง และเตรียมดึงนักกฎหมายมืออาชีพจัดการปัญหาหนี้ บ.บิลเลี่ยนฯ-บ.หนองคายน่าอยู่ ชี้ซับซ้อนกว่าธรรมดา
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมได้รับทราบกรณีที่ธนาคารออมสินถอนเงินฝากออกจากบัญชีกองทุนที่ใช้สำหรับสนับสนุนโครงการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์เพื่อช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) เพื่อชดใช้กรณีที่มีลูกหนี้ผิดนัดชำระเงินกู้ 3 งวดติดต่อกัน เพราะที่ผ่านมาทางธนาคารได้มีหนังสือแจ้งมาว่าธนาคารสามารถหักเงินในบัญชีดังกล่าวได้ หากเกิดกรณีที่มีเงินไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ โดยให้ทาง สกสค.ดำเนินการนำเงินฝากเข้าบัญชี หรืออนุญาตให้ถอนจากบัญชีอื่นที่มีเงินเพียงพอ แต่สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นนี้ สกสค.ยังไม่ได้อนุญาตให้ถอนเงินดังกล่าว ที่ประชุมจึงได้ทำหนังสือสอบถามถึงกระบวนการติดตามชำระหนี้ที่ผ่านมาจากทางธนาคาร แต่เมื่อ สกสค.ตรวจสอบก็ทราบว่าทางธนาคารได้มีการถอนเงินออกจากบัญชีอื่นไปแล้ว จำนวน 86 ล้านบาท จึงได้ทำหนังสือแจ้งให้ธนาคารออมสินนำเงินคืนบัญชีที่ถอนไป
รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้หารือกันแล้วเห็นว่าทางธนาคารไม่สามารถดำเนินการถอนเงินโดยพลการได้ เพราะ สกสค.ผู้เป็นเจ้าของบัญชียังไม่ได้อนุญาต คณะกรรมการ สกสค.จึงมอบให้นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการ ศธ. ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. ทำหนังสือแจ้งย้ำไปยังธนาคารให้คืนเงินจำนวนดังกล่าวเข้าบัญชีของ สกสค.ที่หักไป และขอให้ไปคุยกับทางธนาคารให้รู้เรื่อง ว่าต่อไปการจะถอนเงินออกจากบัญชีต้องได้รับอนุญาตจาก สกสค.ก่อน ส่วนครั้งนี้จะถือว่าธนาคารออมสินมีความผิดหรือไม่นั้น คงไม่ถึงขนาดนั้น อาจจะเป็นความเข้าใจผิด หรือเกิดจากความเคยชิน เพราะเคยทำกับคณะกรรมการ สกสค.ชุดที่ผ่านมา
พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สกสค.ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการติดตามทวงเงินจำนวน 2,500 ล้านบาทคืนจากบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ซึ่งที่ผ่านมาทางบริษัท บิลเลี่ยนฯ อ้างว่าเพราะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งห้ามบริษัท บิลเลี่ยนฯ ทำธุรกรรมกับ สกสค. ซึ่งที่ประชุมยืนยันว่าไม่ใช่เหตุผล และขอเร่งรัดให้บริษัท บิลเลี่ยนฯ นำเงินจำนวนดังกล่าวมาชำระคืน สกสค.โดยเร็ว ส่วนการดำเนินคดีทางกฎหมายนั้น ในส่วนของคดีอาญา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าผู้ที่เกี่ยวข้องมีทั้งบุคคลภายนอกและเจ้าหน้าที่รัฐ จึงต้องส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตรวจสอบ โดยอาจแยกส่วนการดำเนินการระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐและพลเรือน ซึ่งจะขอให้ ป.ป.ช.เร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด
ส่วนการดำเนินคดีทางแพ่งนั้น อยู่ระหว่างการดำเนินการโดยสำนักงานอัยการสูงสุด คาดว่าจะได้ข้อสรุปแนวทางการดำเนินการภายในสัปดาห์หน้า และที่ประชุมยังเห็นว่าการตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งบริษัท บิลเลี่ยนฯ และบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด ค่อนข้างซับซ้อน น่าจะหามืออาชีพด้านกฎหมายที่มีประสบการณ์มาช่วยพิจารณา รวมถึงกรณีอื่นๆ ด้วย เพราะเราดำเนินการเองเฉพาะเจ้าหน้าที่ สกสค. แต่ยังมีข้อจำกัด เพราะบางครั้งเราอาจไม่มีความรู้ถ่องแท้ในบางเรื่อง ต้องหามืออาชีพมาช่วยเฉพาะเรื่องต่อไป โดยให้ สกสค.ไปพิจารณา ซึ่งอาจจะจ้างให้มาดูแลเป็นกรณีไป.
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 13 สิงหาคม 2558