จ่อยึดเงินงบประมาณคืน
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
จ่อยึดเงินงบประมาณคืนจ่อยึดเงินงบประมาณคืน สำนักงบฯ นัดส่วนราชการ 130 แห่ง สัปดาห์หน้า ถกการโอนงบโครงการอืด ลั่นโยกเข้างบกลางทั้งหมด คาดว่า 1 ล้านล้านบาท
นายสมศักดิ์ โชติรัตนศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้า สำนักงบประมาณจะเชิญหน่วยงานประมาณ 130 แห่ง มาหารือถึงแนวทางการโอนงบประมาณ ในโครงการที่ไม่สามารถผูกพันสัญญาได้ทันกำหนดภายในวันที่ 31 ก.ค. ตามมติครม. เพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนการออกพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายปี 58 ให้สามารถดำเนินการได้ตามแผน ซึ่งหน่วยงานที่เรียกมาหารือทั้งหมดนั้น ล่าสุดได้ทำหนังสือแจ้งมายังสำนักงบประมาณเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า มีโครงการลงทุนที่ทำสัญญาไม่ทัน รวมมูลค่าลงทุน 1 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้คณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตในภาครัฐ (คตร.) ได้รายงานให้ที่ประชุมครม.รับทราบว่า ขณะนี้มีหน่วยงานที่ทำสัญญาผูกพันในโครงการลงทุนประจำปีงบประมาณ 58 ไม่ทันภายในวันที่ 31 ก.ค.นี้ มีวงเงินรวม 3,100 ล้านบาท โดยต้องโอนไปเป็นงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ด้วยการออกพ.ร.บ.โอนงบประมาณ รายจ่ายปี 58 ซึ่ง คาดว่าจะเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวให้ที่ประชุมครม.เห็นชอบได้ วันที่ 4 ส.ค.นี้ จากนั้นจึงเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา และคาดว่า จะออกเป็นกฎหมายได้ในวันที่ 20 ส.ค.นี้
“หลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว จะทำให้งบประมาณทั้งหมด นำไปใช้ ในโครงการต่าง ๆ ทั้งส่วนที่เป็นการช่วยเหลือ ด้านภัยพิบัติ ภัยแล้ง และโครงการตามนโยบายของรัฐบาลนโยบายเร่งด่วน ที่ต้องใช้ใน 2 เดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 58 โดยคาดว่า การโอนงบประมาณไปอยู่ในงบกลางนั้น คาดว่า จะมีวงเงิน 10,000 ล้านบาท”
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การออกกฎหมายดังกล่าว ไม่ได้ผูกมัดให้ส่วนราชการ หากจะต้องนำงบประมาณออกไปใช้ในการแก้ปัญหาภัยแล้งในทันที เพราะปัจจุบันรัฐบาลมีในส่วนของงบกลาง ที่สามารถใช้ได้ตามอำนาจของนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ซึ่งหากจำเป็นที่จะใช้เพื่อแก้ปัญหา โดยเฉพาะในกรณีของภัยแล้ง ก็ใช้งบกลางที่มีอยู่ไปก่อน หรือใช้เงินทดรองราชการ และป้องกันปัญหาที่แต่ละจังหวัดมีอยู่ จังหวัดละ 20 ล้านบาท ส่วนงบประมาณที่ได้จากการออกพ.ร.บ.โอนงบประมาณนี้ก็จะเป็นส่วนที่เข้ามาเติมงบกลางที่ถูกใช้ออกไป
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม 2558 เวลา 18:42 น.