ประธานกรรมาธิการศึกษาฯ สนช. เสนอ "ครูสายสนับสนุน" เพื่อประสิทธิภาพโรงเรียนนิติบุคคล-ห้องเรียนคุณภาพ

20 ก.ค. 2558 เวลา 10:29 น.
21,700

นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก^- ก⁺

ประธานกรรมาธิการศึกษาฯ สนช. เสนอ "ครูสายสนับสนุน" เพื่อประสิทธิภาพโรงเรียนนิติบุคคล-ห้องเรียนคุณภาพ

วันที่ 3 กรกฎาคม 2558 ที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ นายตวง อันทะไชย ประธานกรรมาธิการการศึกษาและกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ในการเดินทางมาจัดประชุมระดมความคิดเห็นเครือข่ายและการมีส่วนร่วมของภาคส่วน ภาคีเครือข่ายในการปฏิรูปการศึกษาเดินหน้าประเทศไทย ณ มหาวิทยาลัยฟาร์อิสเทิร์น อ.เมือง จ.เชียงใหม่ว่า ในกฎหมายการศึกษาฉบับใหม่ โครงสร้างบุคลากรครูจะเป็น "ครู" ทั้งระบบ ประกอบด้วย ครูสายบริหาร ครูสายสอนและครูสายสนับสนุน มีเส้นทางความก้าวหน้าตามมาตรฐานและคุณสมบัติที่ผานเกณฑ์ประเมินเหมือนกันทั้งระบบ โดยครูสายสนับสนุน คือ บุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานซึ่งมีภารกิจควบคู่เคียงข้างครูมาโดยตลอด เพื่อยกระดับพัฒนาคุณภาพครู นักเรียน ผู้บริหาร ทั้งด้านวิชาการ นโยบายและแผน การบริหารจัดการ การบริหารการเงินซึ่งจะต้องทำงานแทนครู มิให้ครูออกนอกห้องเรียน ทำงานด้านการสอน งานด้านการบริหารให้เต็มที่ ส่วนเส้นทางความก้าวหน้านั้นก็เทียบเคียงกับข้าราชการตำรวจที่เป็นจ่าก็สามารถสอบเป็นนายร้อย เป็นนายพัน นายพลได้ จากฝายสืบสวนก็อาจมาเป็นสายบริหาร ผู้กำกับ ผู้บังคาบการ จนถึงระดับรองอธิบดีหรืออธิบดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ต่างกันสำหรับบุคลากรในกฎหมายฉบับเดียวกัน เพียงแต่ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ ต้องสอบผ่าน ต้องมีเกณฑ์ประเมิน มีมาตรฐาน คุณสมบัติครบเท่านั้น

ด้านนายชาญ คำภีระแปง ผอ.กลุ่มนโยบายและแผน สพป.เชียงใหม่ เขต 2 ประธานสมัชชาบุคลากรทางการศึกษา ผู้แทนครูและบุคลากรทางการศึกษาในก.ค.ศ.สายบุคลากรทางการศึกษากล่าวว่า การเดินหน้าแผนการศึกษาสู่การปฏิรูปการศึกษา โดยมีจุดมุ่งหมายประการหนึ่ง คือ เพื่อยกระดับโรงเรียนให้เป็นนิติบุคคล ให้ครูทำหน้าที่สอนได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยโดยยึดระบบบริหารและระบบงบประมาณที่มีประสิทธิภาพ การสร้างมาตรฐานข้าราชการครูสายสนับสนุนการศึกษาจากกลุ่มข้าราชการบุคลากรทางการศึกษาตามาตรา 38 ค (2) ซึ่งเป็นเสมือนข้อเหวี่ยงหรือขุนพลม้าศึกในพื้นที่ของกระทรวงศึกษาธิการและสพฐ. จึงเป็นการเสริมให้ระบบงานด้านการบริหารเป็นระบบเดียวกัน ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความเข้มแข็งของสถานศึกษาให้เป็น "นิติบุคคล" ที่มีศักยภาพพัฒนาผู้เรียนให้พร้อมอยู่ในโลกอนาคต อันจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาสังคมไทยสู่ "ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน"ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลต่อไป

ที่มาของข่าว : สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน วันที่ 3 กรกฎาคม 2558

20 ก.ค. 2558 เวลา 10:29 น.
21,700