ความจริงของการศึกษาไทย
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
แม้ในแต่ละปีกระทรวงศึกษาธิการจะได้งบประมาณรายจ่ายมากที่สุด ซึ่งปีนี้ได้เกือบ 5 แสนล้านบาท หรือ 19.5% ของงบประมาณทั้งประเทศ นอกจากนั้น ยังถือว่าเป็นกระทรวงที่มีข้าราชการมีการศึกษาสูงมากที่สุดเรียกว่าที่สุดถึงที่สุดว่างั้นเถอะ...
นี่หากเป็นประเทศอื่นเชื่อว่าด้วยงบประมาณมากขนาดนี้ เชื่อว่าการศึกษาของเขาจะต้องยอดเยี่ยมแน่ ลูกเล็กเด็กแดงของเขาจะต้องเก่ง ฉลาด มีความรอบรู้ก้าวหน้าเหนือกว่าเด็กชาติอื่นๆ
แต่ขอโทษที นี่คือประเทศไทย ที่มีปัญหาด้านการศึกษาที่ตกต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ ขนาดประเทศเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงยังดีกว่าหลายเท่า
ใครจะเชื่อว่าการศึกษาไทยติดอันดับโหล่ในภูมิภาคนี้
เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้ใช้อำนาจตาม ม.44 ในฐานะหัวหน้า คสช. สั่งย้ายข้าราชการระดับสูงตั้งแต่ปลัดกระทรวงลงมา 5-6 ตำแหน่ง เหตุผลก็คือเพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาเดินหน้าไปได้
เพราะถ้าไม่ย้ายหรือเปลี่ยนแปลงบุคลากรจะทำให้เกิดปัญหาในการปฏิรูป เนื่องจากบางคนทำตัวเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหา
นั่นแสดงว่า “คน” ยังเป็นปัญหาทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนได้
และในคำสั่งเดียวกันนั้น ได้มีการยุบบอร์ด 3 บอร์ด และผู้รับผิดชอบใน 3 หน่วยงาน ซึ่งแต่ละหน่วยงานนั้น ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับ “ธุรกิจการศึกษา” ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ ยังให้มีการสอบสวนอันเกี่ยวข้องกับทุจริตประพฤติมิชอบ ซึ่งมีการร้องเรียนให้สอบสวนมานานแล้ว แต่ไม่มีผลออกมาอย่าง ชัดเจน เพราะมีการซุกขยะเอาไว้ใต้พรม เพราะคนกันเองทั้งนั้น
เหล่านี้คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีงบประมาณมากที่สุด บุคลากรมีการศึกษามากที่สุด แทบจะเดินชนกันตาย
แต่การศึกษาห่วยแตกที่สุดอย่างไม่น่าเชื่อ
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะงบประมาณจำนวนมากนั้น นำไปใช้จ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ในระดับบริหารมากกว่าจะมุ่งไปที่ครูบาอาจารย์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในด้านการศึกษา ซึ่งจริงๆแล้วครูควรจะมีเงินเดือนมาก เพื่อไม่ต้องไปคิดหารายได้พิเศษ ไม่ต้องไปทำรายงานเพื่อเลื่อนระดับ เลื่อนตำแหน่ง
ไม่จำเป็นต้องเป็น ผอ.เขตพื้นที่ ไม่ต้องเป็นผู้บริหารในระดับต่างๆ
เมื่อครูไม่ได้ทำหน้าที่ “ครู” อย่างแท้จริงได้ ก็จะเกิดปัญหาในการเรียนการสอน จนเกิดปัญหาต่อหลักสูตรและการสอนที่มีต่อเด็ก
ไม่ต้องแปลกใจว่าในแวดวงการศึกษาได้เกิดสิ่งแปลกและไม่เข้าท่า แต่อ้างว่าเพื่อเป็นการกระตุ้นการศึกษาให้เด็กใส่ใจการเล่าเรียน เช่นว่าให้เด็กๆสวมครุยไปรับรองการศึกษาเลียนแบบการรับปริญญา
หรือการให้ติดเกรดบนเสื้อนักเรียนอ้างว่าทำให้เด็กเรียนดีขึ้น
ก็ไม่ต้องแปลกใจว่า การศึกษาของไทยทำไมมันถึงตกต่ำถึงเพียงนี้
มีข่าวว่าการประชุมซุปเปอร์บอร์ดการศึกษา ที่มี พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธาน ได้มีการขอฟังความเห็นจากข้าราชการระดับสูง ปรากฏว่าไปคนละทิศทาง ไม่มีการประสานหรือรวมศูนย์ความคิดว่าการ
แก้ปัญหาการศึกษาทั้งระบบควรจะทำอย่างไร
แต่ละแท่งในจำนวน 5 แท่ง ก็ต่างคนต่างคิดไม่เชื่อมโยงกันแม้แต่น้อย
การแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องของแต่ละหน่วย เอาเฉพาะของตัวเองที่รับผิดชอบเท่านั้น แล้วจะไปปฏิรูปการศึกษาได้อย่างไร มิหนำซ้ำยังไม่ยอมรับฟังความเห็นที่มีการเสนอให้แก้ไข
เพราะถือว่ามีความรอบรู้ มีการศึกษาสูง ไม่มีใครเก่งกว่าพวกเขาแล้ว จะทำให้ผู้รู้ที่ความปรารถนาดี หวังจะเข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขต้องถอยออกไปและไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
พูดไปแล้วสงสารเด็กจริงๆครับ....
“สายล่อฟ้า”
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 25 เมษายน 2558