บริษัทในสหรัฐฯ ขึ้นเงินเดือนลูกจ้าง ลดเงินเดือนซีอีโอ
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีช่องว่างระหว่างเงินเดือนของผู้บริหารกับลูกจ้างสูงที่สุดในโลก และมีบทความจากนักจิตวิทยารางวัลโนเบล ระบุว่า คนเราควรมีรายได้ที่พอ เพราะจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีสุขภาพจิตดี จนทำให้มีผู้บริหารคนหนึ่งลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงในบริษัทตัวเองDan Price ผู้ก่อตั้งบริษัท Gravity Payments ได้เซอร์ไฟรซ์พนักงานของเขาจำนวน 120 คน โดยการประกาศว่า ในสามปีข้างหน้า เขาวางแผนไว้ว่า จะขึ้นเงินเดือนให้พนักงานของเขา โดยต้องมีรายได้อย่างต่ำที่สุด 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ
แม้กระทั่งเสมียนที่ได้รับเงินเดือนน้อยสุด แผนกลูกค้าสัมพันธ์หรือพนักงานขายความคิดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Dan Price ได้อ่านบทความหนึ่งเขียนว่า ลูกจ้างที่ได้รับเงินเดินต่ำกว่า 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.1 ล้านบาท ต่อปี หรือหากคิดเป็นเงินเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 175,000 บาทต่อเดือน หากพวกเขาได้รับเงินพิเศษ จะทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปมาก
Price บอกว่า จะสามารถขึ้นเงินเดือนพนักงานได้ โดยการลดเงินเดือนตัวเอง ที่ปกติได้รับประมาณ 1 ล้านดอลล่าสหรัฐ ให้รับเท่ากับคนอื่นที่ 70,000 ดอลลาร์ รวมถึงนำเงินจากกำไรบางส่วนของบริษัทมาช่วยด้วย
ข้อมูลจากโฆษกบริษัท ระบุว่า เงินค่าจ้างของพนักงานประมาณ 70 คนจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ประมาณ 30 คนจะได้รับเงินเดือนเป็นสองเท่าเลย ซึ่งเงินเดือนโดยเฉลี่ยของพนักงานที่ Gravity นั้นอยู่ที่ 48,000 ดอลลาร์ต่อปี หรือประมาณ 1.4 ล้านบาทต่อปี
นโยบายของบริษัทนี้ แปลกและเป็นที่สนใจในสหรัฐ ขณะนี้เพราะเป็นประเทศที่มีช่องว่างระหว่างเงินเดือนของแต่ละตำแหน่งสูงที่สุดในโลก โดยผู้บริหารระดับสูงนั้นได้เงินเดือนประมาณ 300 เท่าของพนักงานทั่วไป ซึ่ง Price บอกว่า ความต่างของเงินเดือนนี้ น่าตลกและไร้สาระสิ้นดี เพราะผู้บริหารอย่างเขาเอาเงินเหลือไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยหมดไปกับการเล่นสโนบอร์ด และการดื่ม แต่หากพนักงานของเขาได้เงินเดือนเพิ่ม จะทำให้พวกเขาเหล่านั้นมีโอกาสได้นำเงินไปทำตามความฝัน เช่น ซื้อบ้าน และให้การศึกษาแก่ลูก
Dan price ได้ก่อตั้งบริษัท เกี่ยวกับเครดิตการ์ดนี้ ที่ซีแอตเทิล ในปี 2004 เมื่ออายุเพียง 19 ปี เขาได้เริ่มบริษัทโดยดำเนินการด้านบัตรเครดิตให้กับธุรกิจกว่า 12,000 แห่ง คิดเป็นจำนวนเงินที่ต้องรับผิดชอบนับ 6.5 พันล้านสหรัฐ โดยสั่งการทั้งหมดตั้งแต่ยังอยู่ที่หอมหาวิทยาลัย ความคิดด้านธุรกิจของเขานี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ที่ยังเป็นนักดนตรีอยู่ในวงร็อค เล่นที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง และเจ้าของร้านเริ่มปัญหา จากการจ่ายหนี้บัตรเครดิตที่มีค่าธรรมเนียมแพงมาก เมื่อเขาช่วยดูปัญหาของร้าน จึงเห็นว่าน่าจะมีธุรกิจที่ทำให้ค่าธรรมเนียมถูกและมีประสิทธิภาพกว่านี้ได้โดยเน้นบริการ
เมื่อปี 2008 เขาเกือบต้องปิดตัวบริษัทลงเพราะเศรษฐกิจย่ำแย่ และลูกค้ารายใหญ่ 2 รายล้มละลาย ซึ่งทำให้รายได้ ร้อยละ 20 หายไป แต่บริษัทก็จัดการโดย ไม่ไล่ใครออกและไม่ขึ้นราคาต่อลูกค้า ซึ่งพนักงานของเขาซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ก็ได้สู้ไปด้วยกันจนผ่านมาได้
สมัยเด็ก price อยู่ที่ชนบทในไอดาโฮ ครอบครัวของเขาอยู่ห่าง 30 ไมล์จากร้านขายของชำ และเขาได้เรียนโฮมสคูล จนถึงอายุ 12 ปี และเมื่อ 1 ในพี่น้อง 4 คนของเขาได้เริ่มธุรกิจเกี่ยวกับเบสบอล แดนในวัย 9 ขวบ ก็ไปที่วิทยุท้องถิ่น เพื่อขอพูดออกอากาศช่วยพี่ชายโฆษณาเกี่ยวกับธุรกิจ
Price ระบุว่า แม้นโยบายนี้ จะทำให้เขาประหม่าว่าจะไปรอดหรือไม่ แต่ก็ต้องการทำให้สำเร็จเพื่อให้คนเห็นความสำคัญของความเท่าเทียมกัน
ที่มาของข่าว : เว็บไซต์ครอบครัวข่าว 3 วันที่ 16 เมษายน 2558 เวลา 13:35:53 น.