เห็นตรงกันสกศ.ควรแยกจากศธ.
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
“ณรงค์”เผยบอร์ดอำนวยการปฏิรูปการศึกษา เห็นด้วยต้องแยก สกศ.ขึ้นตรงนายกฯ เพื่อดูชี้ เป็นหน่วยงานใหญ่ขึ้นดูภาพรวมการศึกษาชาติทั้งหมด
วันนี้ (8 ม.ค.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะอำนวยการปฎิรูปการศึกษา เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาบทบาทอำนาจหน้าที่และโครงสร้างของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) และมีความเห็นตรงกันว่า สกศ.ควรแยกออกไปเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อดูแลภาพรวมการศึกษาของประเทศ ซึ่งจะทำให้การทำงานด้านการศึกษามีความคล่องตัวมากกว่า อีกทั้งจะเป็นหน่วยงานขนาดใหญ่ที่สามารถบริหารจัดการและทำงานครอบคลุมการศึกษาชาติได้ทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้อาจต้องระบุเรื่องการแยก สกศ.ไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย
“เรื่องการปรับโครงสร้าง ศธ. อาจต้องรับฟังความคิดเห็นจากสภาปฎิรูปแห่งชาติ(สปช.)ด้วยว่า มีแนวคิดอย่างไร โดยศธ.ได้เตรียมการบางส่วนไว้แล้ว แต่ยังไม่ขอฟันธงว่า จะต้องมีหน่วยงานแยกออกไป เพราะผมอยากให้การปฎิรูปการศึกษามีการทำงานสอดคล้องไปพร้อมกับการรับฟังความคิดเห็นของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) สปช. และ ศธ.ด้วย เพื่อให้การขับเคลื่อนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไม่อยากให้ต่างคนต่างคิดหรือต่างคนต่างทำ เพราะจะทำให้การปฎิรูปการศึกษาไม่ประสบความสำเร็จ ผมวางกรอบเวลาการทำงานเรื่องปฎิรูปการศึกษาไว้ 1 ปี หากเรื่องไหนไม่มีขั้นตอนยุ่งยากหรือเกี่ยวข้องกับกฎหมายก็สามารถดำเนินการได้ทันที ดังนั้นการปฎิรูปการศึกษาจึงไม่ใช่เรื่องการปรับโครงสร้างอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน การบริหารจัดการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฎิรูปการศึกษาด้วย อีกทั้งการปรับโครงสร้างก็เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ซึ่งต้องมีการแก้ไขกฎหมาย ดังนั้นการปรับโครงสร้าง ศธ.อาจดำเนินการไม่สำเร็จในยุคของรัฐบาลนี้ก็ได้”รมว.ศึกษาธิการกล่าว
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้รายงานความก้าวหน้าเรื่องการปฎิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียน ซึ่งเป็นการนำร่องกระจายอำนาจการบริหารจัดการใน 20 เขตพื้นที่การศึกษา โดยเริ่มดำเนินการไปเมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา และในวันที่ 23-24 ม.ค.นี้ เขตพื้นที่การศึกษาที่นำร่องจะมีการประชุมติดตามความก้าวหน้าว่า หลังจากนำร่องไปแล้ว 20 วัน พบความเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หรือมีปัญหาอุปสรรคอะไรบ้าง
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 8 มกราคม 2558