สพฐ.มั่นใจคะแนนโอเน็ตปีนี้สูงขึ้นแน่
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
สพฐ.มั่นใจคะแนนโอเน็ตปีนี้สูงขึ้นแน่
"กมล"เผยผลสอบพรีโอเน็ตเด็กป.6 และ ม.3 พบวิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ยังต่ำ รับเป็นบทเรียนแก้ปัญหาได้ตรงจุด เชื่อสอบโอเน็ตปี 58 คะแนนขยับสูงขึ้นแน่นอน
วันนี้ (6 ม.ค.)ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ได้ดำเนินการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือ โอเน็ต ปี 2558 โดยจัดให้มีการจับคู่พัฒนาโรงเรียนที่มีคะแนนโอเน็ตสูงและโรงเรียนที่มีคะแนนโอต่ำ และจัดให้มีการสอบพรีโอเน็ตในกลุ่มสาระการเรียนรู้ 5 วิชาหลัก สำหรับนักเรียนระดับชั้น ป.6 และ ม.3 ในโรงเรียนสังกัด สพฐ.ทั่วประเทศเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งคะแนนที่ออกมา พบว่า เด็กยังมีคะแนนต่ำในวิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ อยู่ ดังนั้นโรงเรียนและครูจะต้องไปวิเคราะห์หาสาเหตุและปรับการจัดการเรียนการสอนให้เข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะต้องจัดสอนซ่อมเสริมในวิชาที่เด็กทำคะแนนได้ต่ำด้วย
“ต้องยอมรับว่าการจัดสอบพรีโอเน็ต ไม่ได้เน้นให้เด็กทำข้อสอบได้ แต่ต้องการให้เด็กรู้จักข้อสอบ และวิธีการทำข้อสอบขั้นสูงว่าเป็นอย่างไร ดังนั้นเมื่อผลวิเคราะห์ออกมาว่าเด็กยังมีจุดอ่อนอยู่ก็จะเป็นโอกาสดีที่โรงเรียนจะได้ปรับกระบวนการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และครูก็ต้องเปลี่ยนวิธีการสอนมาเป็นการคิดวิเคราะห์ให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าการจัดสอบพรีโอเน็ตจะเป็นแรงกระเพื่อมเชิงบวกที่จะส่งผลให้คะแนนการสอบโอเน็ตปีนี้ที่ ป.6จะสอบวันที่ 31 ม.ค.2558 ม.3สอบวันที่ 31 ม.ค.- 1ก.พ.2558 และ ม.6 สอบวันที่ 7-8 ก.พ.2558นี้จะขยับเพิ่มสูงขึ้นได้ หรือหากคะแนนไม่ขยับเพิ่มทุกวิชาแต่ก็เชื่อว่าอย่างน้อยต้องมีบางวิชาที่มีคะแนนเพิ่มมากขึ้นแน่นอน”เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
ด้านนายอนุสรณ์ ฟูเจริญ รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า สพฐ. จะนำผลวิเคราะห์การสอบพรีโอเน็ตครั้งนี้ ไปปรับปรุงการเรียนการสอน โดยเฉพาะในวิชา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ สำหรับโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลก็จะใช้โทรทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียมของวังไกลกังวล มาเผยแพร่เทปบันทึกการสอนในวิชาดังกล่าวให้แก่นักเรียน ซึ่งดำเนินการสอนโดยครูที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละวิชา เชื่อว่าวิธีดังกล่าวจะทำให้เด็กเข้าถึงสื่อการสอน และเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสำหรับเด็กในพื้นที่ห่างไกลได้
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 6 มกราคม 2558