LASTEST NEWS

21 ธ.ค. 2567ปฏิทินการจ่ายเงินเดือนข้าราชการและค่าจ้างลูกจ้างประจำ ประจำปี 2568 20 ธ.ค. 2567สพป.บึงกาฬ เรียกบรรจุครูผู้ช่วย (ขอใช้บัญชี สพม.หนองคาย) จำนวน 3 อัตรา - รายงานตัว 2 มกราคม 2568 20 ธ.ค. 2567​​​​​​​กรมบัญชีกลาง เปิดสอบพนักงานราชการ 27 อัตรา ไม่ต้องผ่าน ภาค ก ตั้งแต่ 3 - 24 มกราคม 2568 19 ธ.ค. 2567สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 ขอใช้บัญชีครูผู้ช่วย เขตอื่น ใช้บรรจุ 2 วิชาเอก 13 อัตรา รายงานตัว 26 ธันวาคม 2567 19 ธ.ค. 2567สพป.มหาสารคาม เขต 2 เผยบัญชีตำแหน่งว่างใช่บรรจุครูผู้ช่วย รอบที่ 5  19 ธ.ค. 2567สพป.อุดรธานี เขต 4 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย 45 อัตรา 18 ธ.ค. 2567ผู้บริหาร สพฐ. ร่วมประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครั้งที่ 10/2567 18 ธ.ค. 2567สพม.สงขลา สตูล เรียกบรรจุครูผู้ช่วย 10 อัตรา - รายงานตัว 24 ธันวาคม 2567 18 ธ.ค. 2567กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดสอบบรรจุเข้ารับราชการ 21 อัตรา สมัครทางอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2567 - 21 มกราคม 2568 18 ธ.ค. 2567 โอกาสดีมาถึงแล้ว!  ทุนเรียนต่อครู สควค. ม.เกษตรศาสตร์ เปิดรับสมัครทั่วประเทศ จบแล้วบรรจุเป็นครูทันที! สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ - 10 ม.ค. 2568

บิ๊กตู่ตื่นอัดใช้งบ โปรโมตค่านิยม ชี้อย่าแค่ท่องจำ

  • 03 ม.ค. 2558 เวลา 13:15 น.
  • 1,539
บิ๊กตู่ตื่นอัดใช้งบ โปรโมตค่านิยม ชี้อย่าแค่ท่องจำ

นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ LINE it! - +

บิ๊กตู่ตื่นอัดใช้งบ โปรโมตค่านิยม ชี้อย่าแค่ท่องจำ
 
 “ประยุทธ์” แจงค่านิยม 12 ประการ หวังให้คนไทยไม่ลืมรากเหง้า อัดไม่อยากให้ใช้เงินประโคมเกินจำเป็น ให้ประยุกต์ใช้ ลั่นไม่ใช่ให้ท่องจำ แต่ให้ซึมซับในชีวิตประจำวัน “ป.ป.ท.” ลุยเสนอให้ขึ้นตรงนายกฯ ตามอารยประเทศ “คตง.” ชงเสริมเขี้ยวเล็บปราบโปง 
 
    เมื่อวันศุกร์ ในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กล่าวตอนหนึ่งถึงเรื่องค่านิยม 12 ประการ ของรัฐบาลและ คสช.ว่า เป็นแนวทางที่ทำให้ชาวต่างชาติได้รับรู้รับทราบถึงความเป็นเอกลักษณ์วัฒนธรรมที่ดีงามของคนไทย เพราะปัจจุบันทุกประเทศในโลกได้เผชิญกับกระแสคลื่นแห่งวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันจนอาจหาแก่นสาร หาความเป็นตัวของตัวเองได้ยาก หากเราหลงลืมตัวเอง ลืมประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของชาติที่บรรพบุรุษของเราได้สร้างมาเป็นระยะเวลาหลายร้อยปี ก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดาย
 
“ผมไม่อยากให้ไปใช้จ่ายงบประมาณที่ฟุ่มเฟือยมากเกินความจำเป็นในการรณรงค์ในเรื่องค่านิยม แต่อยากให้ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน สร้างกิจกรรม กระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ให้เข้าใจ มันอยู่ในทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่บางเวลาหลงลืมกันไป ก็เพียงแต่ไปเตือนเขา ไปบอกเขา ไม่ได้หมายความว่าให้ไปท่องให้ได้ คงไม่ใช่ คงให้รู้ว่าแต่ละข้อ แต่ละการปฏิบัตินั้นจะมีผลดีกับตัวเองอย่างไร กับสังคมอย่างไร เป็นเพียงการพลิกฟื้นจิตสำนึกความเป็นไทยของเรา ฉะนั้นโรงเรียนต่างๆ ก็กรุณานำไปใช้ให้ถูกต้อง ไม่ใช่แค่ท่องจำ เพียงแต่ช่วยกันทำความเข้าใจ ส่งเสริม ปลูกฝังลูกหลาน นิสิต นักศึกษา ผ่านการกระทำให้ได้ ให้ซึมซับเข้าไปในวิถีการดำเนินชีวิต ทั้งที่บ้าน วัด โรงเรียน หรือบวร ที่เป็นแหล่งอบรมสั่งสอนให้เยาวชนของไทยเป็นทั้งคนดีและคนเก่ง” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
 
นายกฯ ยังกล่าวอีกว่า เราต้องการทั้งคนดีและคนเก่ง รวมความไปถึงเรื่องซื่อสัตย์ด้วย ตามแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งที่บ้านพ่อแม่ก็ต้องช่วยกันอบรมสั่งสอนลูกหลานให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งสามารถทำกันในครอบครัวได้ง่ายๆ เวลาที่กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน ก็พูดคุยให้คำแนะนำ ปลูกฝังสิ่งดีๆ ให้ ที่โรงเรียนคุณครูก็ต้องปลูกฝังทักษะการใช้ชีวิตสอดแทรกอยู่ในวิชาเรียนต่างๆ ให้ลูกศิษย์เป็นคนดี มีความรู้ คู่คุณธรรม มีความรับผิดชอบที่ดีต่อสังคมและตนเอง ส่วนที่วัดก็เช่นเดียวกัน ถ้าหากว่าครู ผู้ปกครองพาเยาวชนไปสัมผัสเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ทางศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกๆ ศาสนานั้นล้วนมุ่งปลูกฝังให้เราทำความดีเป็นคนดี 
 
“สมัยนี้อาจเน้นวัตถุนิยม เทคโนโลยีที่รวดเร็ว พ่อแม่ลูกไม่ค่อยได้คุยกัน กลายเป็นสังคมก้มหน้า เด็กๆ ก็เสพสื่ออินเทอร์เน็ต เกม โซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งหากไม่มีคนดูแล ปลูกฝังให้เขาเป็นคนดีในสังคม ก็จะทำให้เขาหลงไปในทางที่ผิดได้ง่าย ทั้งในเรื่องของยาเสพติด การใช้ความรุนแรง การลักขโมย แต่หากทุกคนนั้นปลูกฝังค่านิยมที่ดี เน้นในเรื่องของการสร้างจิตสำนึกความสำนึกและความเข้าใจในชีวิตประจำวัน เขาจะรู้สึกละอายใจ”พล.อ.ประยุทธ์ระบุ 
 
นายกฯ ยืนยันว่า เคยพูดไปแล้วเรื่องหิริโอตตัปปะ คือทุกครั้งที่เวลาเราทำสิ่งไม่ดี ก็จะมีความละอายต่อบาป รู้ว่าบาปคืออะไร บาปอยู่ในทุกการกระทำใดๆ ไม่ว่าจะเป็นทางกาย ทางวาจา ทางใจ ฉะนั้นเราอาจไม่ต้องสร้างหลักสูตรอะไรใหม่เท่าไรนัก เพียงแค่ปลูกฝังจิตสำนึกให้กลมกลืนเป็นธรรมชาติในวิถีชีวิตของเรา เหมือนที่บรรพบุรุษเราได้สั่งสอนมาเป็นคนไทย วันนี้เราเพียงแต่วิวัฒนาการ สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาให้ดี สร้างความรู้ความสามารถให้ทัดเทียมอารยประเทศ ก็จะเป็นอนาคตของชาติที่ดี กลายเป็นสังคมที่น่าอยู่ สังคมแบบไทยๆ ไม่มีการเบียดเบียนกัน มีวินัย เคารพตนเองและผู้อื่น มีการรู้จักใช้เหตุผล รับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ สังคมไทยเราก็จะปราศจากสิ่งเลวร้ายต่างๆ ในเรื่องการทุจริต ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่พวกพ้อง ความแตกแยก ความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรม 
 
สำหรับโครงการจัดทำสติกเกอร์ไลน์ค่านิยม 12 ประการนั้น รัฐบาลได้จะจ้างบริษัท ไทยทีวีพูล ของนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือติ๋ม ทีวีพูล อดีตภรรยา พล.อ.นพดล อินทปัญญา ที่ปรึกษา คสช. ในวงเงิน 7,117,000  บาท และเปิดให้ดาวน์โหลดได้ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.2557-28 ม.ค.2558 
 
ด้านนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวถึงสถานการณ์ทุจริตว่า เป็นเรื่องโอกาส ถ้าไม่มีโอกาสเปิดช่องให้ทุจริตได้สถานการณ์จะดีขึ้น แนวโน้มการทุจริตจะลดลง ข้อมูลการสร้างกลไกตรวจสอบการทุจริต ดูตัวอย่างจากฮ่องกงวางมาตรการปราบปรามทุจริตโดยกำหนดให้ 1.แยกอำนาจทางการเมือง 2.ใช้บังคับกฎหมายปราบปรามทุจริตอย่างเข้มข้น 3.การสนับสนุนมาตรการป้องกันทุจริตจากภาครัฐ และ 4.ทุกส่วน รัฐและเอกชนเอาจริงเอาจังในการปราบปรามทุจริต โดยปี 2558 ป.ป.ท.จะเร่งดำเนินการกับคดีทุจริตที่ค้างอยู่อย่างเต็มที่ ปลุกจิตสำนึกให้ทุกภาคส่วนร่วมตรวจสอบการทุจริต 
 
นายประยงค์ยังกล่าวถึงข้อเสนอแก้กฎหมายยกระดับทั้งโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ให้ ป.ป.ท.ไปขึ้นตรงกับนายกฯ ว่า หน่วยงานปราบทุจริตเกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ในต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านการปราบปรามทุจริต หน่วยงานแบบ ป.ป.ท.จะขึ้นตรงต่อนายกฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ในการพิจารณาของกฤษฎีกา ก่อนส่งเข้า ครม.กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
นายสุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการตรวจเงินแผ่นดินกล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการแก้ไขกฎหมายของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพราะเห็นว่ายังมีข้อจำกัดในการตรวจสอบส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจกว่า 8 หมื่นแห่งทั่วประเทศ จึงต้องผลักดันให้ สตง.เข้าไปตรวจสอบการทำงานในเชิงรุก โดยเข้าไปตรวจสอบตั้งแต่การริเริ่มโครงการลงทุนต่างๆ ของทุกหน่วยงาน หากพบความผิดปกติ สามารถท้วงติงให้ทำการแก้ไข และนำเรื่องกลับมาเสนอ คตง.สั่งพิจารณาแก้ไข จึงต้องแก้ไขให้ สตง.มีอำนาจในการดำเนินการดังกล่าว เพราะหากไม่มีกฎหมายรองรับส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจจะไม่ยอมดำเนินการตามคำแนะนำของ สตง.
 
    “ยังเตรียมเสนอให้ สตง.มีอำนาจรวบรวมข้อมูลหลักฐาน และดำเนินการสอบสวนกรณีมีปัญหาทุจริตเกิดขึ้น เพื่อสรุปสำนวนฟ้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น ป.ป.ช. หรือศาลปกครอง เพื่อดำเนินการได้เองโดย สตง. เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บให้ สตง.เข้าไปตรวจสอบปัญหาการทุจริตต่างๆ และอาจต้องเพิ่มเงื่อนไขด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย” นายสุทธิพลระบุ
 
นายสุทธิพลยังกล่าวอีกว่า ต้องเดินหน้าเพิ่มอำนาจเอาผิดทางงบประมาณ เพราะการทำงานของ สตง.มีอำนาจพิจารณาความผิดทางวินัยการเงินการคลัง โดยมีกระบวนการไต่สวนหากมีการกระทำความผิดจากการจัดซื้อจัดจ้าง ความผิดจากการดูแลการจัดเก็บรายได้ภาษีของรัฐ การใช้งบประมาณ หากตรวจพบการกระทำความผิด เสนอเรื่องให้ คตง.พิจารณาลงโทษ ตั้งแต่การหักเงินเดือนชดเชยความเสียหายตลอดเวลา 2 ปี แม้ออกจากราชการไปแล้วยังสามารถเอาความผิดได้ เมื่อสรุปแนวทางการแก้ไขกฎหมายแล้ว จะเสนอ คตง.พิจารณาและเสนอต่อสภาปฏิรูปให้พิจารณาดำเนินการ เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงแห่งการปฏิรูป จึงต้องแก้ไขกฎหมายที่สำคัญให้ติดตามการทุจริตรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นด้วยวิธีการอันแยบยลมากขึ้น.
 
 
  • 03 ม.ค. 2558 เวลา 13:15 น.
  • 1,539

TAGS ที่เกี่ยวข้อง >>

ความคิดเห็นเกี่ยวกับ : บิ๊กตู่ตื่นอัดใช้งบ โปรโมตค่านิยม ชี้อย่าแค่ท่องจำ

เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น!

ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้

^