รับนักเรียนปี58ห้ามมีแป๊ะเจี๊ยะ สพฐ.ลั่นจัดรอบเดียว/ณรงค์สั่งอาชีวะตั้งโต๊ะอ้าแขนรับเด็กพลาดหวัง
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
รับนักเรียนปี58ห้ามมีแป๊ะเจี๊ยะ สพฐ.ลั่นจัดรอบเดียว/ณรงค์สั่งอาชีวะตั้งโต๊ะอ้าแขนรับเด็กพลาดหวัง
เลขาฯ สพฐ.ประกาศรับนักเรียนปี 58 จัดเพียงรอบเดียว โรงเรียนห้ามรับแป๊ะเจี๊ยะเด็ดขาด หากฝ่าฝืนถือว่าทำผิดวินัยร้ายแรง หรือถ้ามีนักเรียนได้สิทธิ์เพราะผู้ปกครองเป็นผู้อุปการคุณ จะต้องประกาศอย่างโปร่งใส ให้สาธารณชนรับรู้ พร้อมกับให้อาชีวะตั้งโต๊ะทุกโรงเรียนรับเด็กพลาดหวังสายสามัญ
นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวตอนหนึ่งระหว่างมอบนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนประจำปี 2558 ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ให้แก่โรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา รวมถึงผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 580 คน ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ว่า ตนได้แจ้งแนวปฏิบัติเรื่องการรับนักเรียนไปแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.57 ซึ่งโรงเรียนและเขตพื้นที่ฯ จะต้องไปวางแผนการทำงานในเรื่องนี้ให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ดังนั้น ตนจึงขอให้การรับนักเรียนในปีนี้ต้องดำเนินการให้เด็กได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานครบทุกคนอย่างถูกต้องและเกิดความเหมาะสม โดยโรงเรียนจะต้องดำเนินการทุกขั้นตอนที่กำหนดไว้ในระเบียบการรับนักเรียน เช่น การตั้งคณะกรรมการระดับเขตพื้นที่ฯ คณะกรรมการระดับโรงเรียน รวมถึงการประกาศแผนจำนวนที่นั่งเรียนจะต้องให้เกิดความชัดเจน เพราะหากเกิดปัญหาขึ้นโรงเรียนจะได้มีหลักฐานในการตรวจสอบได้ ขณะเดียวกันการรับนักเรียนจะต้องเปิดรับเพียงรอบเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ตนคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าจะไม่มีเด็กฝากเกิดขึ้น ดังนั้นจึงขอสั่งห้ามไม่ให้โรงเรียนเรียกระดมทรัพยากรจากผู้ปกครองในช่วงการรับนักเรียนอย่างเด็ดขาด หรือแม้กระทั่งการเรียกรับเงินแป๊ะเจี๊ยะ เพราะถือเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
นายกมลกล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวทางการรับนักเรียนในปีนี้จะเหมือนกับทุกๆ ปีที่ผ่านมา โดยมีจุดเน้นให้แต่ละโรงเรียนจะต้องมีแผนการรับนักเรียนของโรงเรียนตัวเอง และเขตพื้นที่ฯ จะทำหน้าที่ประกาศให้สังคมได้รับทราบอย่างชัดเจน รวมไปถึงการประกาศรับสมัคร การสอบคัดเลือก การออกข้อสอบ ไปจนถึงประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบคัดเลือก นอกจากนี้เมื่อประกาศรายชื่อผู้สิทธิ์เข้าเรียนต่อในโรงเรียนนั้นๆ แล้ว แต่ที่ต่างออกไปคือจะมีการปรับลดการรับนักเรียนในเขตพื้นที่ฯ มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมร้อยละ 50 เหลือร้อยละ 40 เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนนอกพื้นที่มาสมัครเข้าในโรงเรียนที่ตัวเองสนใจได้ “การรับนักเรียนจะมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ต้องมีผลการสอบที่ชัดเจน เปิดเผยกรณีมีการร้องขอตรวจสอบผลคะแนนสอบ และมีคำอธิบายสำหรับกลุ่มนักเรียนที่ได้รับสิทธิในการเข้าเรียนแบบพิเศษ เช่น โควตาสำหรับผู้มีอุปการคุณแก่โรงเรียน เป็นต้น เพราะทุกวันนี้ระบบโซเชียลมีเดียและการเผยแพร่เรื่องราวต่างๆ ทำได้อย่างสะดวก ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาต่อผู้บริหารสถานศึกษาได้ ผมเชื่อว่าหากทุกโรงเรียนเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ให้กับสังคมอย่างชัดเจนแล้ว ก็จะไม่มีข้อครหาเกิดขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้ สพฐ.ได้ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการรับนักเรียนและช่วยเหลือนักเรียนที่ตกหล่นไม่มีที่เรียน ดังนั้นหากประชาชนพบปัญหาเรื่องการรับนักเรียนขอให้แจ้งมาได้ที่สายด่วน สพฐ. หมายเลข 0-2280-5530” เลขาฯ กพฐ.กล่าว
ขณะเดียวกัน สพฐ.จะมีกระบวนการให้โรงเรียนจัดกิจกรรมเปิดบ้าน (Open House) เพื่อให้นักเรียนและผู้ปกครองได้เห็นศักยภาพของโรงเรียนในกลุ่มอื่นๆ นอกเหนือจากโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง ทั้งนี้จากนโยบายของ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ที่มอบให้ สพฐ. สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ร่วมกันดูแลนักเรียน เพราะฉะนั้น ในวันที่โรงเรียนประกาศผลผู้มีสิทธิ์เข้าเรียนต่อนั้น ก็จะมีสถาบันอาชีวะและโรงเรียนเอกชนเข้ามาตั้งโต๊ะรับนักเรียน เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ปกครองและนักเรียนที่ไม่มีสิทธิ์ในการเข้าเรียน และยังคงเป็นการเพิ่มผู้เรียนสายอาชีพทางหนึ่งด้วย.
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 3 ธันวาคม 2557