สพฐ.สั่งเช็กบัญชีดำสกัดสมัครครูผู้ช่วย
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
จ้าง 12 มหาวิทยาลัยออกข้อสอบภาค ก “กมล” หนุน ก.ม.เล่นงานคนทุจริต
ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยความคืบหน้าการสอบคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และการสอบครูผู้ช่วยในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) หลังคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) อนุมัติเกณฑ์การสอบบรรจุว่า ขณะนี้ สพฐ.กำลังกำหนดปฏิทินการสอบคัดเลือก คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์ ปฏิทินการสอบคัดเลือกน่าจะแล้วเสร็จ โดยในส่วนการออกข้อสอบภาค ก ความรู้ความสามารถทั่วไปที่บอร์ด ก.ค.ศ. ให้ สพฐ.เป็นผู้บริหารจัดการข้อสอบนั้น ตนตั้งใจจะจ้าง 12 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ใน 12 เขตตรวจราชการเป็นผู้ออกข้อสอบภาค ก อาทิ ม.สงขลานครินทร์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ ม.ราชภัฏศรีสะเกษ ม.นเรศวร เป็นต้น โดยให้มหาวิทยาลัยเป็นผู้บริหารจัดการตั้งแต่การออกข้อสอบ จัดส่งข้อสอบและประมวลผลการสอบ ทั้งนี้ ก่อน ออกข้อสอบจะมีการประชุมเพื่อกำหนดโครงสร้างข้อสอบ และเกณฑ์ความยากง่ายที่เหมาะสมเพื่อให้ข้อสอบมีมาตรฐานเดียวกัน
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุที่ไม่อยากจ้างมหาวิทยาลัยเดียวออกข้อสอบ เพราะเกรงว่าอาจจะมีปัญหาในการบริหารจัดการ เนื่องจากกำหนดให้สอบพร้อมกันทั่วประเทศอาจมีปัญหาในการจัดส่งข้อสอบไปยังพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ และเห็นว่าการจ้างมหาวิทยาลัยใน 12 เขต การศึกษาเป็นผู้ดำเนินการ หากเกิดปัญหาข้อสอบรั่วในเขตพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งก็จะได้แก้ปัญหาเป็นรายเขตพื้นที่ไป สำหรับมาตรการในการป้องกันการทุจริตการสอบนั้น ตนจะประสานไปยังปลัดกระทรวงศึกษาธิการเพื่อขอให้ผู้ตรวจราชการ 12 เขต ช่วยกำกับติดตามในแต่ละพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ จะสั่งกำชับให้มีการตรวจสอบประวัติของผู้สมัครสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยที่เคยมีปัญหาการทุจริตและมีการขึ้นบัญชีดำไม่ให้มีการสมัครสอบด้วย
อย่างไรก็ตาม ตนเห็นด้วยกับที่ ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เสนอให้ยกร่าง พ.ร.บ.การทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ ที่กำหนดให้การทุจริตการสอบถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย นอกจากถูกปรับตกในการสอบแล้วยังมีความผิดในคดีอาญา โดยจะให้ พ.ร.บ.นี้ บังคับใช้ในการสอบเข้ารับราชการในหน่วยงานต่างๆ เพราะการทุจริตที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมีปัญหาสองอย่างคือ ไม่ได้ออกกฎหมายตรงมากำกับครบทุกประเด็น และการบังคับใช้กฎหมายยังไม่ดีเท่าที่ควร.
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 26 พฤศจิกายน 2557