หลักสูตรใหม่อิงฉบับภาวิช70-80% "ณรงค์"ไฟเขียวตั้งกก.2ชุดเดินหน้าศึกษาคาดใช้เวลา1ปี
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
หลักสูตรใหม่อิงฉบับภาวิช70-80% "ณรงค์"ไฟเขียวตั้งกก.2ชุดเดินหน้าศึกษาคาดใช้เวลา1ปี
"กมล" เผย "ณรงค์" ไฟเขียวตั้งคณะกรรมการพัฒนาปรับหลักสูตร 2 ชุด คาดใช้เวลาดำเนินการ 1 ปี อิงฉบับศึกษาของภาวิช 70-80% ส่วนอบรมครู รมว.ศธ.เห็นด้วยให้จัดในโรงเรียนแทนโรงแรม และจัดงบ 800 ล้าน อบรม ผอ.สพท., ผอ.รร.มาตรฐานสูงและศึกษานิเทศก์
ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าในการยกร่างหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้น ก่อนหน้านี้ที่ประชุม กพฐ.ได้เห็นชอบให้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เดินหน้าปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน เนื่องจากใกล้ครบวงรอบที่จะต้องมีการทบทวนและปรับปรุงหลักสูตร อีกทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดการศึกษาสาขาวิชาต่างๆ ก็ให้ความเห็นว่าถึงเวลาที่จะต้องปรับปรุง ดังนั้น ในการประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ.สัปดาห์ที่ผ่านมา สพฐ.ได้รายงานเรื่องดังกล่าวต่อ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ซึ่งก็ได้ให้ความเห็นชอบและมอบนโยบายให้ดำเนินการได้ทันที จากนี้ สพฐ.จะไปกำหนดแผนการทำงานในการปรับหลักสูตร คาดว่าจะต้องใช้เวลาทำงานอย่างน้อย 1 ปี เนื่องจากมีหลายขั้นตอน ตั้งแต่การการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ อาทิ ร่างหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ อดีตเลขานุการ รมว.ศธ. ซึ่งได้ทำการศึกษาไว้ก่อนหน้านี้สามารถนำมาปรับใช้ได้ถึง 70-80% เป็นต้น เมื่อทำเสร็จแล้วต้องเข้าสู่ขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ จัดทำคู่มือและทดลองใช้หลักสูตรใหม่ด้วย
ทั้งนี้ สพฐ.จะตั้งคณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรขึ้นมา 2 ชุด ชุดแรกเป็นคณะกรรมการอำนวยการพัฒนาหลักสูตร มี รมว.ศธ.เป็นประธาน และชุดที่ 2 คณะกรรมการระดับดำเนินการพัฒนาหลักสูตร ซึ่งยังไม่ได้กำหนดโครงสร้างของคณะกรรมการชุดนี้ชัดเจน แต่ได้มอบให้นายสุชาติ วงศ์สุวรรณ อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ไปดูในเรื่องนี้ เบื้องต้น นายสุชาติเสนอแนวคิดว่าควรจะให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขาวิชามาช่วย เสนอแนะและให้ความเห็นด้วย
เลขาฯ กพฐ.กล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายของ รมว.ศธ.ที่ให้ลดการจัดอบรมพัฒนาบุคลากรครูที่โรงแรม เพราะเห็นว่าไม่เกิดประโยชน์ สิ้นเปลืองงบประมาณ และยังทำให้ครูต้องทิ้งห้องเรียนด้วยเพื่อไปร่วมอบรมนอกพื้นที่ โดยให้เปลี่ยนมาจัดอบรมในพื้นที่ ให้ใช้สถานที่ในชุมชน อย่าง เช่น โรงเรียนหรือวัด เป็นสถานที่จัดอบรมแทน สพฐ.จึงได้คิดรูปแบบการอบรมแบบใหม่ที่ใช้โรงเรียนเป็นฐานการอบรม (School Base Traning) โดยจะนำครูไปนั่งอบรมสัมมนาตามโรงเรียน แต่หากเป็นเพียงการอบรมอย่างเดียวคงเป็นวิธีที่ไม่ค่อยได้ผล จึงต้องเป็นการอบรมที่ให้ครูได้ลงมือปฏิบัติจริงด้วย เพราะฉะนั้น ต่อไปจะจัดอบรมที่โรงเรียนเลย โดยใช้ศึกษานิเทศก์เป็นแกนนำในการอบรมให้ความรู้ครูแต่ละวิชา อาจมีการให้ความรู้ทางวิชาการก่อน 1-2 วัน จากนั้นก็ครูทดลองปฏิบัติจริงในห้องเรียนเลย ซึ่งวิธีนี้จะได้ประโยชน์แก่ครูและประหยัดงบประมาณกว่า เพราะไม่ต้องเสียเงินจัดอบรมสัมมนาครู แต่ต้องอบรมศึกษานิเทศก์ประมาณ 5,000 คนก่อน เพื่อให้เป็นแกนนำออกไปจัดอบรมครูตามโรงเรียน
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2558 นั้น สพฐ.ได้เตรียมงบประมาณสำหรับการอบรมครูและบุคลากรทางการศึกษาไว้ 600-700 ล้านบาท แต่เมื่อเปลี่ยนมาอบรมครูแบบ School Base Traning แล้ว สพฐ.จะเปลี่ยนเป้าหมายการอบรมโดยมุ่งเน้นไปที่ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ผอ.สพท.) ให้ได้รับการพัฒนาความรู้และการบริหารหลักสูตรการเรียนการสอนมากขึ้น เพราะปัจจุบัน ผอ.เขตฯ ส่วนใหญ่มุ่งแต่การทำงานในด้านบริหารงบประมาณและบุคลากรมากเกินไป, กลุ่ม ผอ.โรงเรียน แบ่งเป็น กลุ่ม ผอ.โรงเรียนมาตรฐานสูง โรงเรียนในฝัน และโรงเรียนดีศรีตำบล และกลุ่มศึกษานิเทศก์.
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 14 ตุลาคม 2557