ติงครูไทยไร้คุณภาพทิ้งเด็ก
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
ติงครูไทยไร้คุณภาพทิ้งเด็ก
"ณรงค์" ชี้คุณภาพการศึกษาไทยตกต่ำเพราะครูไม่อยู่ในห้องเรียน ทิ้งเด็กอยู่ตามลำพัง
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้คุณภาพการศึกษาไทยต่ำ ทั้งที่ทุ่มงบด้านการศึกษามหาศาล คือ 1.พ่อแม่ในฐานะครูคนแรกของเด็ก 2.ครูซึ่งรับผิดชอบในการถ่ายทอดองค์ความรู้และปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม 3.ผู้บริหารสถานศึกษาซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการสอนให้มีประสิทธิภาพ และ 4.ผู้บริหารใน ศธ. ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ของครูทุกวันนี้ เริ่มจากปัญหาหนี้สินครู ซึ่งหากยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่กู้เงินเกินตัว จะสามารถปลดเปลื้องหนี้สินตัวเองได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาครูไม่อยู่ในห้องเรียน นำเวลาที่ใช้สอนนักเรียนไปทำอย่างอื่น เช่น ทำงานธุรการ เตรียมต้อนรับผู้มีบารมีทั้งจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และ ศธ. การทำงานประเมินผลการศึกษา ทำผลงานวิชาการของตนเองเพื่อรับการประเมินเลื่อนวิทยฐานะ เตรียมการสอนของหลักสูตรกวดวิชาที่ตัวเองรับจ๊อบอยู่ ทำให้ครูต้องทิ้งนักเรียนอยู่ตามลำพัง และจะมีนักเรียนกี่คนที่จะตั้งใจอ่านหนังสือตามที่ครูสั่งไว้ก่อนเดินออกนอกห้องเรียน
ขณะเดียวกัน ยังมีปัญหาครูไม่เพียงพอ หรือถูกจัดให้สอนในวิชาที่ไม่เชี่ยวชาญ ปัญหาครูไม่มีคุณภาพ ไม่พัฒนาตัวเอง ไม่มีความเป็นมืออาชีพ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบวิชาชีพครู แต่ถ้าไม่มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ให้แก่เด็ก ไม่เรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก็ไม่อาจจะเรียกตนเองได้ว่าเป็นครู
"เราต้องนำเอาแรงกดดันจากสังคมภายนอกที่มองระบบการศึกษาว่าล้มเหลว เปลี่ยนเป็นพลังฮึดสู้ให้กับครู ช่วยกันพัฒนาเด็กไทยให้ไปในทางที่ถูกต้อง" รมว.ศึกษาธิการ กล่าวที่หอประชุมคุรุสภา ขณะเป็นประธานในการมอบเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ "คุรุสดุดี" ประจำปี 2557 ให้แก่ครูทั่วประเทศ 1,136 คน เนื่องในวันครูโลก
ด้าน นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ได้คัด 25 เขตพื้นที่การศึกษาที่มีคะแนนโอเน็ตต่ำมาจัดอบรมครู เพื่อช่วยพัฒนาการเรียนการสอน จะได้เพิ่มคะแนนโอเน็ตในภาพรวมของประเทศให้ดีขึ้น อีกทั้งจะมีการเสริมสื่อทางไกลผ่านดาวเทียม เพิ่มเติมแบบฝึกหัด รวมทั้งจัดติวนักเรียนทั่วประเทศให้มีความพร้อมในการสอบโอเน็ต
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 7 ตุลาคม 2557