ชาวอุดมศึกษายืนยันขอแยกกระทรวง
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
ชาวอุดมศึกษายืนยันขอแยกกระทรวง
"ภิรมย์" เผย ทปอ.และชาวอุดมฯ เตรียมขอพบรัฐมนตรีที่ดูแลงานอุดมศึกษา ย้ำข้อเสนอขอแยก สกอ.ออกจากศธ.ตั้งเป็นกระทรวงการอุดมศึกษาและวิจัย
วันนี้ (3 ก.ย.) ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวอุดมศึกษาทั้งในส่วนของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.) และ จุฬาฯ กำลังรอดูว่ารัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ คนใดจะเข้ามาดูแลงานอุดมศึกษา ซึ่งเมื่อมีความชัดเจนแล้วผู้แทนจาก ทปอ.และสถาบันอุดมศึกษา ก็จะขอเข้าพบเพื่อหารือเกี่ยวกับการพัฒนางานอุดมศึกษาในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ที่เกี่ยวกับการขอแยกสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ออกจาก ศธ. เป็นกระทรวงการอุดมศึกษาและวิจัย รวมถึงเรื่องต่างๆที่จุฬาฯเคยนำเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ไปก่อนหน้านี้แล้ว
" อธิการบดี จุฬาฯ กล่าวต่อไปว่า ในหลักการแล้วเรื่องที่นำเสนอยังคงเดิม แต่บางส่วนคงต้องปรับให้ทันสมัยมากขึ้น เช่น ระบบกลางการรับนิสิต นักศึกษา หรือ แอดมิชชั่น และ ร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา เป็นต้น เนื่องจากเวลานี้มีข้อมูลใหม่เข้ามาและบริบทหลายอย่างเปลี่ยนไป ดังนั้น ผู้เกี่ยวข้องจะมาประชุมร่วมกันอีกครั้ง เพื่อหาข้อสรุปที่มีความทันสมัย เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาการศึกษาของประเทศ
" เรื่องเร่งด่วนที่ชาวอุดมศึกษา จะนำเสนอต่อ รมว.ศึกษาธิการ คือ เรื่องโครงสร้างองค์กร ที่หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าควรแยกงานอุดมศึกษาออกจากศธ. และงานวิจัยที่ต้องสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยดำเนินการให้มากขึ้น เพราะมหาวิทยาลัยไม่ได้มีหน้าที่แค่การสอนเท่านั้น การสร้างองค์ความรู้ที่เป็นงานวิจัยก็ถือเป็นภาระสำคัญของมหาวิทยาลัยที่จะตอบโจทย์สังคมในเรื่องต่างๆ รวมถึงให้พิจารณาเรื่องการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ที่หลายฝ่ายเห็นว่าเป็นภาระกับเด็กและผู้ปกครองมาก ดังนั้น จำเป็นต้องมีทิศทางที่ชัดเจนออกมาก โดยเฉพาะระบบแอดมิชชั่น ซึ่งต้องยึดเด็กและผู้ปกครองเป็นหลัก ว่า ทำอย่างไรไม่ให้คนกลุ่มนี้เดือดร้อน " ศ.นพ.ภิรมย์ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้วคงเป็นเรื่องของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่จะรวบรวมประเด็นทั้งหมดทำเป็นข้อสรุปให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาต่อไป.
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 3 กันยายน 2557