ศธ.นัดถกชี้อนาคตศึกษาไทยสัปดาห์หน้า
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
ที่ประชุมองค์กรหลักศธ.ขานรับคำสั่งการนายกรัฐมนตรี ย้ำทุกหน่วยงานขับเคลื่อนการสอนประวัติศาสตร์ เตรียมระดมความเห็นถกอนาคตการศึกษาไทยสัปดาห์หน้า เน้นให้โอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ
วันนี้(25ส.ค.)ดร.สุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ.ว่า ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับข้อสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ ศธ.ปรับการเรียนการสอนทั้งระบบ โดยเฉพาะให้เน้นการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองว่าที่ประชุมได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ไปดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ที่เน้นสร้างความภูมิใจในความเป็นไทย เรียนรู้พิพิธภัณฑ์ที่เป็นแหล่งเรียนรู้หรือให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ เช่น ตำนานสมเด็จพระนเรศวรซึ่งหากเด็กได้เรียนรู้อย่างลึกซึ้งก็จะเกิดความประทับใจเพราะหากไม่ปลูกฝังเด็กจะมองผ่านแต่หากเน้นย้ำให้เห็นความสำคัญหลายคนจะทึ่งและสนใจมากขึ้น
ปลัด ศธ. กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมได้รับรายงานจาก สพฐ.ว่า ได้เตรียมดำเนินการจัดการเรียนการสอนวิชาดังกล่าวอยู่แล้ว โดยจะเริ่มตั้งแต่ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 ส่วนของ สอศ.ได้ทำวิทยาลัยต้นแบบสอนประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่จังหวัดน่าน และได้ขยายผลไปอีก 28 วิทยาลัยแล้ว โดยเป็นหลักสูตรบูรณาการเรียนรู้ ความรักชาติ ความเป็นไทยเพื่อสร้างเด็กอาชีวะให้เป็นพลเมืองดี ซึ่งจะช่วยทำให้เด็กเกิดความภูมิใจ มีจิตใจอ่อนโยน ลด ละ เรื่องการทะเลาะวิวาทได้ สำหรับ กศน.ได้ร่วมมือกับกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.)สร้างต้นแบบหมู่บ้าน กศน.ตำบลในค่านิยมหลัก 12 ประการ อย่างไรก็ตามที่ประชุมเห็นว่า ทุกหน่วยงานจำเป็นต้องพัฒนาครูผู้สอนวิชาประวัติศาสตร์ให้สอนแล้วไม่น่าเบื่อ สอนแล้วสนุก รวมถึงให้ดำเนินกิจกรรมต่อเนื่อง และได้เน้นย้ำเรื่องการประเมินผลว่า เด็กมีค่านิยมรักชาติมากขึ้นเพียงใด ซึ่ง ศธ.จะติดตามการดำเนินงานในทุกสัปดาห์
“สพฐ.จะเชิญหน่วยงานในสังกัดมาหารือ เพื่อร่วมวิเคราะห์หลักสูตรการเรียนการสอนทั้งหมด ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยจะพิจารณาว่า มีตัวชี้วัดใดที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เพื่อนำไปสู่การลดชั่วโมงเรียนลง รวมถึงวิเคราะห์เนื้อหาการเรียน 8 กลุ่มสาระว่า มากไปหรือไม่ เพื่อพัฒนาการจัดการศึกษาอย่างเป็นรูปแบบที่สมบูรณ์ก่อนจะขยายผลร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ต่อไป” ดร.สุทธศรีกล่าวและว่า สำหรับความห่วงใยของนายกรัฐมนตรีเรื่องปัญหากวดวิชาที่มองว่า ผู้มีรายได้มีฐานะทางเศรษฐกิจดีจะได้เปรียบ ศธ.จึงควรหาวิธีลด เลิก นั้น ได้รับรายงานจาก กศน.ว่า มีช่องทางนำครูเก่งมาติวเข้มเติมเต็มความรู้ 8 กลุ่มสาระผ่านทางช่อง อีทีวี และ ช่อง 11 ทุกวันอยู่แล้ว ซึ่งเด็กดูได้ทุกคนไม่ต้องเสียเงินไปกวดวิชา และมีตัวอย่างว่า คนที่ติดตามรายการสามารถสอบเข้าคณะแพทย์ได้ จึงขอให้ กศน.รายงานเรื่องนี้เข้ามาอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้า ศธ.จะจัดสัมมนาระดมความคิดเห็นเรื่องการศึกษาทั้งระบบที่เน้นให้โอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงการจัดการศึกษาต่อไป
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 25 สิงหาคม 2557