สมศ.เล็งจัดกลุ่มประเมินมหา’ลัย
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
“ชาญณรงค์” เผย สมศ.เล็งแบ่งกลุ่มมหา’ลัยรับประเมินรอบสี่ เตรียมนัดถกคนแวดวงอุดมฯ เดือน ส.ค.นี้ หลังเสียงสะท้อนบ่นมหา’ลัยมีบริบทแตกต่างกัน ย้ำ สมศ.ยังพร้อมปรับปรุงตัวบ่งชี้ และเกณฑ์ฯ
วันนี้ (30 ก.ค.) ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและการประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เปิดเผยว่า จากการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ และนักวิชาการด้านการศึกษา มาร่วมแสดงความคิดเห็นในเวทีเสวนาเรื่องการประกันคุณภาพการศึกษา : หัวใจของการปฏิรูปการศึกษาไทย เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่า เสียงสะท้อนส่วนใหญ่เห็นว่า ยังจำเป็นต้องมี สมศ.ต่อไป เพราะเป็นหน่วยงานตรวจสอบคุณภาพการศึกษา แต่ต้องปรับปรุงระบบการประเมินคุณภายภาพนอก โดยเฉพาะระดับอุดมศึกษาให้เหมาะสมมากขึ้น ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าควรมีการจัดกลุ่มประเภทมหาวิทยาลัย เนื่องจากมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งมีบริบทที่แตกต่างกัน ดังนั้นในเดือนสิงหาคมนี้ สมศ.จะเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ที่เกี่ยวข้องในแวดวงอุดมศึกษามาหารือในเรื่องนี้ว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร และควรมีการแบ่งกลุ่มประเภทมหาวิทยาลัยในการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสี่ (ประจำปีงบประมาณ 2559-2563) หรือไม่
“การประเมินฯ ระดับอุดมศึกษาในรอบที่ผ่านๆ มาจะใช้ตัวบ่งชี้ และเกณฑ์การประเมินฯ เดียวกันทุกแห่ง โดยกำหนดเป็นมาตรฐานขั้นต่ำ หากมหาวิทยาลัยใดผ่านเกณฑ์ ก็จะถือว่าผ่านการประเมิน แต่เมื่อมีข้อเสนอให้จัดกลุ่มมหาวิทยาลัยก็คงต้องมาคุยกันในทุกมิติว่าควรทำหรือไม่ เมื่อทำแล้วจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างไร อีกทั้งการแบ่งกลุ่มจะยึดหลักใด สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องคุยอย่างละเอียด” ศ.ดร.ชาญณรงค์ กล่าวและว่า สมศ.ยังพร้อมรับฟังทุกความคิดเห็น เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับแก้ตัวบ่งชี้ และเกณฑ์การประเมินฯ ซึ่งการประเมินฯ รอบสี่จะเริ่มเดือนตุลาคม 2558 จึงยังมีเวลาที่จะปรับปรุงให้สมบูรณ์ที่สุด
ต่อข้อถามว่าการปรับแก้ตัวบ่งชี้ และเกณฑ์การประเมินฯ รอบสี่ จะทันวันที่ 1 ต.ค.นี้ ซึ่งสมศ.กำหนดว่าจะประกาศให้สถานศึกษาทุกแห่งทราบก่อนการประเมิน 1 ปีหรือไม่ ผอ.สมศ. กล่าวว่า กฎหมายไม่ได้กำหนดว่าต้องแจ้งให้สถานศึกษาทราบล่วงหน้า 1 ปี เพียงแต่ตนเคยสัญญาว่า จะแจ้งตัวบ่งชี้และเกณฑ์การประเมินฯ ให้ทราบล่วงหน้าเท่านั้น แต่ความจริงแล้วตัวบ่งชี้ และเกณฑ์การประเมินคงหนีไม่พ้นที่จะพิจารณาจากอาจารย์ ลูกศิษย์ การบริหารจัดการ และผลงานของสถานศึกษา ซึ่งทุกแห่งทราบดีอยู่แล้ว.
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 30 กรกฎาคม 2557