“นิด้า”จวกเกณฑ์ประเมิน สมศ.
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
"อธิการบดีนิด้า"ยันไม่กลัวการประเมิน แนะ สมศ.ปรับตัวชี้วัดให้เหมาะกับมหา’ลัย จวกวัดเงินบริจาคศิษย์เก่าไม่ได้บ่งชี้คุณภาพการศึกษา
จากรณีที่เครือข่ายอุดมศึกษา 4 เครือข่าย ได้แก่ ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.) ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (ทปอ.มรภ.) ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ (ทอมก.) และสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เพื่อขอให้ประกาศระงับใช้หมวด 6 เรื่องมาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษาของ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2545(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2553 สำหรับระดับอุดมศึกษา เป็นการชั่วคราวนั้น รศ.ดร.ประดิษฐ์ วรรณรัตน์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า กล่าวว่า สมศ.ถือว่ามีอำนาจเป็นองค์กรมหาชนที่รัฐบาลให้การยอมรับ แต่ไม่ทราบว่าเอาอะไรคิดในการตั้งกฎเกณฑ์การประเมินคุณภาพการศึกษา ซึ่งที่ผ่านมา ทปอ.เคยแย้งไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เคยได้รับการตอบสนอง โดยเฉพาะเรื่องการพิจารณาจากเงินบริจาคของศิษย์เก่า เพราะหากมีมหาวิทยาลัยอยากขายปริญญาบัตรให้เศรษฐีหรือนักธุรกิจโดยไม่ต้องมาเรียน แต่เมื่อจบแล้วนำเงินมาบริจาคให้มหาวิทยาลัย อย่างนี้จะเกี่ยวกับคุณภาพการศึกษาได้อย่างไร
“การวัดว่าศิษย์เก่าเข้ามาช่วยเหลือสถาบันนั้น เป็นตัววัดที่วัดได้ในแง่ของความผูกพันของศิษย์เก่าที่มีต่อสถาบัน แต่ไม่ได้บ่งชี้ถึงคุณภาพการศึกษา อย่างไรก็ตามหลังจากนี้คงต้องรอการตัดสินใจจาก คสช. ว่าจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร ทั้งนี้ยืนยันว่า นิด้าไม่ได้กลัวการประเมิน แต่ตัวชี้วัดที่จะนำมาใช้ประเมิน ควรต้องเหมาะสมกับบริบทของมหาวิทยาลัยที่แตกต่างกันในแต่ละกลุ่ม” รศ.ดร.ประดิษฐ์กล่าว
ด้าน ศ.นพ.อาวุธ ศรีศุกรี เลขาธิการกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าตัวบ่งชี้ของสมศ. ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เรียกว่าคุณภาพ โดยปัญหาหนึ่งเป็นเพราะกรรมการผู้ประเมิน ยังไม่มีความเข้าใจบริบทการเรียนการสอนของแต่ละคณะ/สาขา จึงใช้กฎกติกาที่เคร่งครัดกินไป ผลประเมินจึงอาจมีความคลาดเคลื่อนไม่ตรงตามความเป็นจริง ทั้งนี้ยืนยันว่ามหาวิทยาลัยไม่ได้กลัวถูกประเมินไม่ผ่าน แต่กลัวว่าผู้ประเมิน จะประเมินไม่ถูกต้อง ทำให้ผลประเมินออกมาผิดพลาด และกลายเป็นความผิดของมหาวิทยาลัย.
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 29 กรกฎาคม 2557