อึ้งตัวบ่งชี้ประเมินรอบ4ดูเงินบริจาคศิษย์เก่า
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
อาชีวะเอกชนโวยตัวบ่งชี้ประเมินภายนอกสถานศึกษารอบสี่ สมศ.ดูวงเงินบริจาคจากศิษย์เก่าต้องมีมูลค่า 20 ล้านบาทจะได้ระดับดีมาก แนะสมศ.พิจารณาตัวเองทุกกระบวนการ
วันนี้(23ก.ค.) รศ.ดร.จอมพงศ์ มงคลวนิช นายกสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการทางการศึกษา(สมศ.) ได้ประกาศเกณฑ์และตัวบ่งชี้การประเมินคุณภาพภายนอกรอบที่สี่ผ่านทางเว็บไซต์นั้น จากการศึกษารายละเอียดพบว่า มีบางเกณฑ์ไม่ได้สะท้อนคุณภาพทางการศึกษา อาทิ ตัวบ่งชี้ที่วัดมูลค่าทรัพย์สินที่ศิษย์เก่าบริจาคให้สถานศึกษา โดยหากสถานศึกษามีอายุเกิน 30 ปี และนักเรียนเกิน 3,000 คน จะต้องมีการบริจาคจากศิษย์เก่าเป็นมูลค่า 20 ล้านบาท จึงจะได้ระดับดีมาก เป็นต้น ซึ่งจากตัวบ่งชี้นี้ก็ต้องมาดูว่าสถานศึกษาและวิทยาลัยต่างๆ มีบริบทและอยู่ในภูมิภาคที่แตกต่างกัน การที่มีความคาดหวังและพยายามให้ศิษย์เก่าบริจาคทรัพย์สินจำนวนมากโดยเฉพาะ สำหรับสถานศึกษาเอกชน อาจถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมและบางสถานศึกษาก็ไม่มีนโยบายเรียกร้อง และประชาสัมพันธ์ให้ศิษย์เก่าบริจาค
รศ.ดร.จอม พงศ์ กล่าวต่อไปว่า แม้ว่าจะเห็นด้วยกับการมีการรับรองมาตรฐานและการประเมินคุณภาพการศึกษา เพื่อเป็นหลักประกันคุณภาพการศึกษาของประเทศ แต่ในทางปฏิบัติการมีระบบประกันคุณภาพดังกล่าวได้ทำให้ผู้บริหารและครู มีเวลาให้นักเรียนลดลง เนื่องจากต้องทำงานหลายด้านเพื่อตอบสนองตัวบ่งชี้ และจัดทำเอกสารเพื่อให้ผ่านการประเมินคุณภาพ โดยไม่ได้มุ่งผลสัมฤทธิ์และเอาใจใส่ดูแลผู้เรียนเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของสถานศึกษาประเภทอาชีวศึกษาเกณฑ์การประเมินควร มุ่งเน้นให้สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมและวิชาชีพตามปรัชญาการศึกษาสายวิชาชีพ แม้แต่การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา หรือ วีเน็ต ซึ่งผู้เรียนไม่สามารถนำผลไปใช้เข้าทำงานหรือศึกษาต่อได้ เพราะสถานประกอบการและภาคอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ยอมรับผลการสอบดังกล่าว จึงถือเป็นการสูญเสียและไม่เป็นไปตามปรัชญาการศึกษาด้านวิชาชีพที่มุ่งเน้น สมรรถนะการทำงานและสามารถแก้ไขปัญหาได้จริง และที่ผ่านมาพบว่า นักศึกษาส่วนใหญ่ก็ไม่มีแรงจูงใจในการทำข้อสอบวีเน็ตด้วย
“แม้ว่าที่ผ่านมามีหลายเครือข่ายเสนอให้ยุบ สมศ. แต่ทางสมาคมฯยังไม่เสนอถึงขนาดนั้น เพียงแต่อยากเสนอให้ สมศ. ทบทวนกระบวนการการกำหนดและการประเมินมาตรฐานการศึกษา รวมถึงชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาคมที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ให้กระบวนการ มาตรฐาน เกณฑ์และวิธีการประเมิน เป็นที่ยอมรับและสะท้อนถึงคุณภาพการศึกษาที่แท้จริงก่อนจะมีการประเมินรอบต่อไป หากประชาคมในวงการศึกษาทุกระดับไม่ยอมรับ และมีข้อกังขาเกี่ยวกับระบบการประเมินคุณภาพก็คงเป็นเรื่องยากที่ สมศ.จะประสบความสำเร็จในการประกันคุณภาพและพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศต่อไปได้”รศ.ดร.จอมพงศ์ กล่าว.
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 23 กรกฎาคม 2557