กลุ่ม มทร.หนุน"รับตรง"พร้อมกัน
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
ลดปัญหาวิ่งรอกได้ แต่มหา'ลัยเล็กๆ ย่อมกระทบเรื่องยอดรับ ด้าน"ประเสริฐ"เสนอแยกเป็นกลุ่มๆ แบ่งสอบ 2 ช่วง
จากการที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) พร้อมด้วยอธิการบดีมหาวิทยาลัย และตัวแทนมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศได้ประชุมเพื่อพัฒนาระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา และมีความเห็นตรงกันที่จะให้มีการสอบคัดเลือกเพื่อเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาด้วยวิธีการรับตรงพร้อมกันและใช้ข้อสอบกลางเหมือนกันนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 พ.ค.57 นายนำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ล้านนา ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดี มทร.ทั้ง 9 แห่ง กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วเห็นว่าน่าจะมีการจัดสอบในระบบรับตรงพร้อมกันทั้งหมดทั่วประเทศตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ปล่อยให้แต่ละมหาวิทยาลัยต่างคนต่างทำเหมือนที่ผ่านมา
แต่การที่มหาวิทยาลัยจะเห็นดีเห็นงามให้มีการสอบรับตรงพร้อมกันทั้งหมด ก็ใช่ว่าจะมองแค่เพียงเพื่อต้องการลดปัญหาการวิ่งรอกสอบของเด็กเท่านั้น แต่ควรมองปัญหาอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมาอย่างรอบด้าน และคิดที่จะหาแนวทางออกไว้ด้วย เช่น หากสอบพร้อมกันแน่นอนว่ามหาวิทยาลัยขนาดเล็ก ย่อมได้รับผลกระทบในเรื่องของตัวเลขนักศึกษาตามมา หรืออาจจะมีปัญหาอื่นๆ อีก แล้วจะมีทางออกกันอย่างไร เป็นต้น
ด้านนายประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดี มทร.ธัญบุรี กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะให้มีการสอบรับตรงพร้อมกัน แต่ควรแยกสอบออกเป็น 2 ช่วง และเป็นกลุ่มๆ เพราะเวลานี้เราสามารถแยกเด็กได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ 1.เด็กที่เรียนดีเรียนเก่งและมีเป้าหมายที่ชัดเจนที่จะสอบเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำเก่าแก่
กลุ่มที่ 1.เด็กที่เรียนดีเรียนเก่งและมีเป้าหมายที่ชัดเจนที่จะสอบเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำเก่าแก่
กลุ่มที่ 2.เด็กที่เรียนดี เรียนเก่ง แต่ต้องการเรียนในมหาวิทยาลัยเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น กลุ่มมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าฯ กลุ่ม มทร.เป็นต้น และ
กลุ่มที่ 3.เด็กที่เรียนเก่ง เรียนดี เรียนปานกลาง และไม่เก่ง กลุ่มนี้รวมกันมีมากถึง 40% ซึ่งบางคนพลาดโอกาสจากกลุ่มที่ 1 และ 2 แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่มีความตั้งใจที่จะเรียนในมหาวิทยาลัยสายสังคมท้องถิ่น อย่างมหาวิทยาลัยราชภัฎมาตั้งแต่แรก
กลุ่มที่ 3.เด็กที่เรียนเก่ง เรียนดี เรียนปานกลาง และไม่เก่ง กลุ่มนี้รวมกันมีมากถึง 40% ซึ่งบางคนพลาดโอกาสจากกลุ่มที่ 1 และ 2 แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่มีความตั้งใจที่จะเรียนในมหาวิทยาลัยสายสังคมท้องถิ่น อย่างมหาวิทยาลัยราชภัฎมาตั้งแต่แรก
ทั้งนี้ หากให้สอบพร้อมกันหมด โดยไม่แยกกลุ่ม เด็กในกลุ่มที่ 3 ก็ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะอาจจะสอบได้ในสาขา หรือมหาวิทยาลัยที่ไม่ชอบซึ่งจะส่งผลต่อการเรียนตามมาได้ ดังนั้นจึงควรมีทางเลือกและให้โอกาส ที่จะได้สอบมากกว่า 1 ครั้ง แม้จะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่เชื่อว่าเด็กจะพอใจที่มีโอกาสที่จะได้เรียนในสาขา และมหาวิทยาลัยที่เขาอยากจะเรียนจริงๆ
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ วันที่ 29 พฤษภาคม 2557