ส่อ"อวสานแท็บเล็ต"ปิดฉากถาวร แม้แต่โซน4มีแนวโน้มยุติจัดซื้อ/1อำเภอ1ทุนก็ไม่รอดเล็งยุบด้วย
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
ส่อ"อวสานแท็บเล็ต"ปิดฉากถาวร แม้แต่โซน4มีแนวโน้มยุติจัดซื้อ/1อำเภอ1ทุนก็ไม่รอดเล็งยุบด้วย
‘แท็บเล็ต’ ส่อถูกพับโครงการถาวร แม้ ‘พล.ร.อ.ณรงค์’ ขอทบทวนอีก แต่ส่งสัญญาณแม้แต่โซน 4 ก็อาจไม่มีการจัดซื้อ เผยเตรียมหาทางชดเชยแนวทางอื่นแทน พร้อมเล็งยุบ 1 อำเภอ 1 ทุนด้วย ชี้ใช้เงินเยอะ แต่ไม่คุ้มค่า คาดสรุปชี้ขาดสัปดาห์หน้า
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสังคมและจิตวิทยา ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรองหัวหน้า คสช. เปิดเผยภายหลังการประชุมรับฟังนโยบายร่วมกับผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ. ว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับระบบศึกษาเป็นอย่างมาก แต่การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กไทยกลับยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับที่ ศธ.ได้รับงบประมาณเพื่อลงทุนทางการศึกษาค่อนข้างสูง ซึ่งตนได้ทราบอุปสรรคและข้อขัดข้องแล้ว และช่วยผลักดันให้การดำเนินงานของ ศธ.เป็นไปอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือโครงการและนโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการในปี 2557 คือโครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน ซึ่งในส่วนของโครงการที่จัดสรรงบประมาณในปี 2556 นั้นได้ดำเนินการใกล้เสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงโซน 4 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) เนื่องจากมีการยกเลิกสัญญาและต้องจัดประมูลใหม่ ส่วนแท็บเล็ตปี 2557 มีงบประมาณรองรับและจัดทำสเปกไว้แล้ว อยู่ระหว่างการจัดทำร่างเขตงาน หรือทีโออาร์ ดังนั้นต้องมีการทบทวนว่าโครงการนี้มีความเหมาะสมหรือไม่ และจะมีการพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะมีข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า โดยหลักการแล้ว คสช.จะต้องการเดินหน้าโครงการที่เกิดประโยชน์กับผู้เรียนจริงๆ และเป็นโครงการที่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการงบประมาณ
"นโยบายแท็บเล็ต ผมจะใช้หลักเหตุผลในการทบทวนพร้อมประเมินว่าตั้งแต่เริ่มโครงการในปี 2555 นั้น ในโซน 4 ต้องทบทวน ในปี 2557 เด็กนักเรียนได้ประโยชน์คุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งหากทบทวนแล้วจะมีการชะลอโครงการไว้ก่อน เงินงบประมาณที่ตั้งไว้แล้วก็อาจถูกนำไปใช้เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการแจก แท็บเล็ตเป็นห้องเรียนสมาร์ทคลาสรูม ที่มีอุปกรณ์สารสนเทศที่เด็กสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้แทน"
พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ หากการทบทวนแล้วส่งผลให้เด็กที่จะได้รับแท็บเล็ตโซน 4 ไม่ได้แท็บเล็ตนั้น ก็จะพิจารณาและหาแนวทางอื่นมาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อเด็ก นอกจากนี้ จะเร่งจัดงบประมาณซ่อมแซมสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวที่ จังหวัดเชียงราย รวมถึงการขออนุมัติงบประมาณให้กับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จำนวน 3,610 ล้านบาท เพื่อปล่อยให้กับผู้กู้รายใหม่ จำนวน 204,000 ราย โดยประเด็นการแก้ปัญหา กยศ.จะต้องหามาตรการบริหารจัดการที่รัดกุมในการใช้หนี้ของผู้กู้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ร.อ.ณรงค์ยังระบุว่าจะหยิบโครงการอื่นๆ ที่ ศธ.ดำเนินการไปแล้วมาทบทวนด้วย อาทิ โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ฯลฯ โดยจะดูว่าผลการดำเนินการที่ผ่านมาเป็นประโยชน์ต่อการศึกษามากน้อยเพียงใด เพราะ ศธ.ได้รับงบประมาณด้านการศึกษาจำนวนมาก แต่กลับพบว่ายังมีปัญหาคุณภาพการศึกษา และขอเน้นย้ำในเรื่องของนโยบาย คือการดำเนินงานของ ศธ.ยังเป็นในลักษณะเดิม เพราะยังไม่มีการปฏิรูประบบราชการ เพียงแต่ว่าเมื่อมีการพ้นอำนาจจากปลัดและรัฐมนตรีแล้ว ผลจะช่วยกลั่นกรองอีกทีหนึ่งเพื่อให้การดำเนินงานเร็วขึ้น แต่ในเบื้องต้นยังไม่พูดถึงในรายละเอียดของการปฏิรูปงานทั้งกระทรวง (ศธ.) ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และต้องใช้เวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดซื้อแท็บเล็ตของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในช่วง 2 ปี คือปีการศึกษา 2555 และ 2556 ใช้งบประมาณไปประมาณเกือบ 1 หมื่นล้านบาท โดยปี 2555 ใช้งบประมาณซื้อเครื่องแท็บเล็ตแจกนักเรียนชั้น ป.1 ไปประมาณ 4 พันล้านบาท และในปี 2556 ใช้เงินไปประมาณเกือบ 5 พันล้านบาท และยังขาดการจัดซื้อแท็บเล็ตโซน 4 ในภาคอีสาน และก่อนหน้านี้ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการ ศธ. ก็ได้ขอคณะรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เห็นชอบอนุมัติงบประมาณจัดซื้อแท็บเล็ตปี 2557 ไว้แล้วกว่า 4 พันล้านบาท ซึ่ง ครม.รัฐบาลก็ผ่านความเห็นชอบแล้ว ส่วนโครงการทุน 1 อำเภอ 1 ทุน ก็เป็นอีกหนึ่งในโครงการประชานิยมที่เริ่มในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และนำมาปัดฝุ่นแจกทุนอีกครั้งในสมัยรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร.
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 30 พฤษภาคม 2557