เคาะ 8 มหาวิทยาลัยสอน ป.บัณฑิตทางการศึกษา
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
เคาะ 8 มหาวิทยาลัยสอน ป.บัณฑิตทางการศึกษา
ศ.ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ ประธานกรรมการคุรุสภา เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้การรับรองหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต(ป.บัณฑิต)ทางการศึกษา และจำนวนรับนักศึกษาของสถาบันการศึกษา ดังนี้ สถาบันที่เปิดรับนักศึกษา ป.บัณฑิตวิชาชีพครู 8 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) ธนบุรี รับได้ 180 คน มรภ.นครปฐม รับได้ 180 คน ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ รับได้ 120 คน ม.ฟาร์อีสเทอร์น จ.เชียงใหม่ รับได้ 180 คน มรภ.เพชรบุรี รับได้ 120 คน มรภ.อุดรธานี รับได้ 180 คน ม.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น รับได้ 180 คน และวิทยาลัยราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี รับได้ 150 คน และให้การรับรองหลักสูตร ป.บัณฑิตสาขาวิชาการบริหารการศึกษา 3 แห่ง ได้แก่ มรภ.ธนบุรี รับได้ 180 คน ม.ธุรกิจบัณฑิต รับได้ 30 คน และ ม.ฟาร์อีสเทอร์น จ.เชียงใหม่ รับได้ 100 คน โดยที่ประชุมได้กำหนดค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรในการลงทะเบียนเรียนของทุกสถาบันในวงเงินไม่เกิน 35,500 บาท พร้อมทั้งมีข้อตกลงร่วมกับสถาบันว่า เปิดรับนักศึกษาได้ปีละไม่เกิน 180 คน และจัดการเรียนการสอนห้องละไม่เกิน 30 คน
"เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่คุรุสภาให้การรับรองสถาบันเปิดสอนหลักสูตรป.บัณฑิตได้ หลังจากนี้จะทยอยให้การรับรองสถาบันที่เปิดสอน ป.บัณฑิตในปีการศึกษา 2557 อีก โดยพิจารณาจากมาตรฐานหลักสูตร และการผลิตที่เข้มงวดมาก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ทั้งนี้สถาบันที่ได้รับการรับรองแล้วสามารถเปิดรับนักศึกษาได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้ โดยสถาบันต้องส่งรายชื่อนักศึกษามาให้คุรุสภา ตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่ไม่ได้เป็นครูมาสมัครเรียน" ศ.ดร.ไพฑูรย์ กล่าว
ประธานกรรมการคุรุสภา กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่ที่ประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอให้คุรุสภาหาทางออกให้แก่ผู้ที่มีความสามารถสอนแต่ไม่จบสายครูให้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู โดยเฉพาะผู้สอนสายอาชีวศึกษานั้น ขณะนี้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ก็ผลิตครูสายอาชีพเช่นกัน แต่คุรุสภาไม่ทราบว่าการผลิตนั้นตรงกับที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ต้องการหรือไม่ หากทาง สอศ.ต้องการจัดพัฒนาครูเอง คุรุสภาก็ไม่ขัดข้อง เพียงแต่ต้องนำหลักเกณฑ์ของคุรุสภาไปปรับใช้ให้ถูกต้อง ทั้งนี้คุรุสภาให้ความสำคัญเรื่องการเข้าสู่วิชาชีพครูมาก จึงได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อทบทวนกระบวนการเข้าสู่วิชาชีพครูทั้งระบบ และในเร็ว ๆ นี้ก็จะจัดประชุมวิชาการเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลว่าประเทศที่ได้รับการจัดอันดับด้านการศึกษาเป็นที่ 1- 5 ของโลกมีการจัดระบบวิชาชีพครูที่เข้มแข็งอย่างไร
ศ.ดร.ไพฑูรย์ กล่าวด้วยว่า ข้อเสนอที่จะให้ได้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพโดยอัตโนมัติ ถือเป็นข้อเสนอที่ผิดกฎหมาย เพราะมี พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยเฉพาะ และยุคนี้ก็เป็นยุควิชาชีพเฉพาะ ซึ่งคุรุสภาจะไม่ปรับหลักเกณฑ์เพื่อทำให้วิชาชีพครูในภาพรวมอ่อนแอลงอีก เพราะปัจจุบันวิชาชีพครูได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมอยู่แล้วว่า ครูอ่อนไม่พัฒนาตนเอง.
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 22 พ.ค. 2557 (กรอบบ่าย)