LASTEST NEWS

29 พ.ย. 2567โรงเรียนชลกันยานุกูล ประกาศปิดกรณีพิเศษ หยุดเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2-3 ม.ค.68 มีผลหยุดยาว 9 วัน ตั้งแต่ 28 ธ.ค. 67 - 5 ม.ค.68 29 พ.ย. 2567โรงเรียนไพศาลีพิทยา รับสมัครครูอัตราจ้าง 2 อัตรา เงินเดือน 10,000.- บาท สมัครตั้งแต่บัดนี้ - 6 ธันวาคม 2567 28 พ.ย. 2567วิทยาลัยสารพัดช่างตราด รับสมัครพนักงานราชการครู จำนวน 1 อัตรา ตั้งแต่ 19 - 27 ธันวาคม 2567 28 พ.ย. 2567วิทยาลัยเทคนิคเลย รับสมัครพนักงานราชการครู จำนวน 1 อัตรา ตั้งแต่ 6 - 16 ธันวาคม 2567 28 พ.ย. 2567โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน รับสมัครครูอัตราจ้าง เงินเดือน 15,000.-บาท ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. - 1 ธ.ค.2567 28 พ.ย. 2567โรงเรียนภูเวียงวิทยาคม รับสมัครครูอัตราจ้าง 2 อัตรา เงินเดือน 10,500 บาท ตั้งแต่วันที่ 2-4 ธันวาคม 2567 27 พ.ย. 2567สพฐ.มีหนังสือ ด่วนที่สุด! ให้นำแนวทาง PISA มาใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน และการสรรหาบุคลากร ทุกตำแหน่ง 27 พ.ย. 2567บอร์ดก.ค.ศ.เคาะร่างแนวปฏิบัติการย้ายครู ผ่านระบบ TRS เตรียมเปิดใช้งาน มกราคม 2568 27 พ.ย. 2567โรงเรียนแคมป์สนวิทยาคม รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาเอกภาษาจีน เงินเดือน 12,000.-บาท ตั้งแต่บัดนี้ - 1 ธันวาคม 2567 27 พ.ย. 2567ด่วนที่สุด!! ที่ ศธ 04009/ว7543 เรื่อง การจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 5/2566 วันที่ 25 เม.ย.2566

  • 25 เม.ย. 2566 เวลา 19:40 น.
  • 30,608
ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 5/2566 วันที่ 25 เม.ย.2566

นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ LINE it! - +

ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 5/2566

  ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.)  ครั้งที่ 5/2566 วันอังคารที่ 25 เมษายน 2566 โดยมีนายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุม และมี รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นเลขานุการการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและมีมติที่สำคัญ ดังนี้

         1. เห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้เลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ

          สืบเนื่องจากพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 มาตรา 80 ได้กำหนดให้มีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งบางตำแหน่งและบางวิทยฐานะต่อมาได้กำหนดมาตรฐานตำแหน่งและวิทยฐานะฯ ตาม ว 3/2564 โดยกำหนดคุณสมบัติเฉพาะสำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษเพียงวิทยฐานะเดียวที่ต้องผ่านการประเมินและต้องผ่านการพัฒนาก่อนแต่งตั้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด จึงได้มีการกำหนด (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้เลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ ซึ่งสาระสำคัญของ (ร่าง) หลักเกณฑ์ฯ มีดังนี้

คุณสมบัติของผู้เข้ารับการพัฒนา

          1) ดำรงวิทยฐานะเชี่ยวชาญมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี กรณีดำรงตำแหน่งครู ผอ.สถานศึกษา และศึกษานิเทศก์หรือ

          2) ดำรงวิทยฐานะเชี่ยวชาญมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี กรณีดำรงตำแหน่ง ผอ.สพท. ผอ.สำนักงาน กศน.จังหวัด/กทม. และ ผอ.สช.จังหวัด

รูปแบบการพัฒนา

          1) จัดทำข้อเสนอในการพัฒนาที่สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างการเปลี่ยนแปลง (Create an impact) ในตำแหน่งที่ดำรงอยู่ ตามแบบที่ ก.ค.ศ. กำหนด

          2) พัฒนาโดยใช้วิธี Project-based Development โดยมี Coach ที่มีประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญมีความเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับ ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา แนะนำ และขับเคลื่อนการพัฒนาจนบรรลุวัตถุประสงค์ของการพัฒนา ซึ่งผู้เข้ารับการพัฒนาสามารถเสนอชื่อ Coach ตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ได้ หาก Coach ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ สามารถขอเปลี่ยน Coach ได้

          3) ระยะเวลาในการพัฒนา ไม่น้อยกว่า 4 เดือน แต่ไม่เกิน 6 เดือน หากยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ของการพัฒนา สามารถขยายเวลาการพัฒนาได้

          4) ให้มีคณะกรรมการประเมินผลการพัฒนา ประเมินจาก 2 รายการ ได้แก่ (1) คุณภาพของงาน และ (2) ประโยชน์ของงาน ซึ่งผู้เข้ารับการพัฒนาต้องมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์เป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมการ กรณีที่ไม่ผ่านเกณฑ์ สามารถปรับข้อเสนอและขยายเวลาการพัฒนาได้ โดยการประเมินไม่กำหนดค่าคะแนน เนื่องจากเป็นการประเมินเพื่อการพัฒนา

ผลการพัฒนา

             นำไปใช้ในการแต่งตั้งได้ภายใน 3 ปี นับแต่วันที่ผ่านการพัฒนา

กรณีเปลี่ยนตำแหน่ง

              กรณีเปลี่ยนตำแหน่งและผ่านการพัฒนาในตำแหน่งเดิมตามหลักเกณฑ์และวิธีการนี้แล้ว สามารถนำผลการพัฒนาที่ยังไม่หมดอายุไปใช้ในการแต่งตั้งได้ ทั้งนี้ ต้องไม่ก่อนวันที่ได้รับการอนุมัติให้เลื่อนวิทยฐานะ และไม่ก่อนวันที่ผ่านการพัฒนา

         2. อนุมัติ การปรับเกณฑ์การตัดสินตามหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะ ตาม ว 9 - ว 11/2564

          ตามที่ ก.ค.ศ. ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ผู้บริหารสถานศึกษา และศึกษานิเทศก์ ตาม ว 9 - ว 11 ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 และเปิดระบบการประเมินวิทยฐานะดิจิทัล (Digital Performance Appraisal :  DPA) ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ยื่นคำขอผ่านระบบ DPA ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป นั้น สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้พิจารณาแล้วมีความเห็น ดังนี้

         เมื่อพิจารณาเทียบเคียงกับหลักเกณฑ์การประเมินเพื่อเลื่อนตำแหน่งของข้าราชการประเภทอื่น ได้แก่ ข้าราชการพลเรือน ประเภทวิซาการ และคณาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งกำหนดขึ้นภายหลังจากที่หลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 9 - ว 11/2564 ใช้บังคับ พบว่า เกณฑ์การตัดสินตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 9 - ว 11/2564 ที่กำหนดให้ต้องได้คะแนนจากกรรมการแต่ละคนผ่านเกณฑ์ มีความเหลื่อมล้ำกับเกณฑ์การตัดสินของข้าราชการพลเรือน/คณาจารย์ที่กำหนดเกณฑ์ผ่านโดยใช้เสียงข้างมาก ประกอบกับหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 9 - ว 11/2564 เป็นการให้กรรมการประเมินได้มีการใช้ดุลยพินิจทางวิชาการในการให้คะแนนตามตัวชี้วัดและเกณฑ์การให้คะแนน ตลอดจนให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับผลการประเมินตามที่ ก.ค.ศ. กำหนดได้โดยอิสระผ่านระบบการประเมินวิทยฐานะดิจิทัล (DPA) โดยไม่มีการประชุมคณะกรรมการ และกรรมการแต่ละคนจะไม่ทราบผลการประเมินของกรรมการคนอื่นจึงมีความเป็นไปได้ที่ผลคะแนนของกรรมการแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันมาก อันเนื่องมาจากการที่คณะกรรมการไม่ได้แลกเปลี่ยนมุมมองและความคิดเห็นเชิงวิชาการที่มีต่อผลงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ขอรับการประเมินร่วมกัน

        ดังนั้น เพื่อความเป็นธรรมกับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และเพื่อให้การประเมินมีมาตรฐานที่ใกล้เคียงกัน ก.ค.ศ. จึงได้พิจารณาอนุมัติ ดังนี้

        1. ปรับปรุงเกณฑ์การตัดสินสำหรับการประเมินเฉพาะด้านที่ 1 และด้านที่ 2 ของตำแหน่งครู ผู้บริหารสถานศึกษา และศึกษานิเทศก์ ทุกวิทยฐานะ โดยกำหนดให้ผู้ที่ผ่านเกณฑ์การประเมินต้องได้คะแนนผ่านเกณฑ์จากกรรมการไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 คน

        2. เนื่องจากปัจจุบันได้มี อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา และ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง พิจารณาผลการประเมินตามเกณฑ์การตัดสินเดิมและมีมติไม่อนุมัติ หรืออยู่ระหว่างสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและส่วนราชการนำเสนอผลการประเมินต่อ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา และ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง ดังนั้น จึงเห็นควรกำหนดแนวปฏิบัติในการนำผลการประเมินที่ไม่ผ่านตามเกณฑ์การตัดสินเดิมมาพิจารณาใหม่ ดังนี้

              2.1 กรณีที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือส่วนราชการได้แจ้งมติไม่อนุมัติไปแล้ว ให้ทบทวนผลการประเมินดังกล่าวแล้วแจ้งสำนักงาน ก.ค.ศ. เฉพาะกรณีมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์การตัดสินใหม่เพื่อปรับปรุงผลการประเมินในระบบ DPA และเสนอ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง แล้วแต่กรณีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

              2.2 กรณีที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือส่วนราชการยังมิได้นำเสนอผลการประเมินที่ไม่ผ่านตามเกณฑ์การตัดสินเดิมต่อ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง ให้ทบทวนผลการประเมินตามเกณฑ์การตัดสินใหม่แล้วให้เสนอ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง แล้วแต่กรณีเพื่อพิจารณาต่อไป

        3. เห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 14/2563)

          สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขอปรับปรุงรายละเอียดหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย (ว 14/2563) เนื่องจากได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลการสอบแข่งขันฯ เมื่อปี พ.ศ. 2563 ทั้งภาค ก ภาค ข และภาค ค แล้ว พบปัญหาในการดำเนินการหลายประเด็น รวมถึงเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 3 เมษายน พุทธศักราช 2560 พ.ศ. 2565 ที่ได้กำหนดให้มีคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาประจำเขตพื้นที่การศึกษา ทำหน้าที่ด้านการบริหารงานบุคคลให้เป็นไปตามที่กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากำหนดไว้ จึงได้ขอให้ ก.ค.ศ. พิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ดังกล่าวซึ่ง ก.ค.ศ. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การดำเนินการสอบแข่งขันฯ ตำแหน่งครูผู้ช่วย สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความคุ้มค่ากับงบประมาณแต่ยังคงหลักการในการสอบแข่งขันเพื่อให้ได้ครูที่เป็นคนเก่ง คนดีมีศักยภาพและทักษะในการถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ส่วนราชการและหน่วยงานการศึกษา สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างคล่องตัว สอดคล้องกับสภาพบริบทและกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไป จึงให้ปรับรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้

             1. ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. สศศ. เป็นผู้บริหารจัดการเกี่ยวกับการออกข้อสอบ ภาค ก และ ภาค ข โดย อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาอาจรวมกลุ่มกันตามที่ สพฐ.กำหนด สำหรับการบริหารจัดการเกี่ยวกับการออกข้อสอบ โดยให้สถาบันอุดมศึกษาหรือหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพทางการศึกษาและมีประสบการณ์ในการออกข้อสอบตามที่เห็นสมควรเป็นผู้ดำเนินการออกข้อสอบตามหลักสูตรที่กำหนดท้ายหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 14/2563 รวมทั้งจัดส่งข้อสอบ ตรวจกระดาษคำตอบ และประมวลผลการสอบ

              2. ภาค ค ความเหมาะสมกับตำแหน่ง วิชาชีพ และการปฏิบัติงานในสถานศึกษา การประเมินด้านความสามารถการสอน ให้ประเมินจากการนำเสนอของผู้สมัครสอบแข่งขันที่แสดงถึงทักษะและศักยภาพด้านการจัดการเรียนการสอนในประเภทวิชา หรือกลุ่มวิชา หรือทางหรือสาขาวิชาเอกที่สมัคร ในรูปแบบและวิธีการต่าง ๆ ตามที่ผู้ดำเนินการสอบแข่งขันกำหนด โดยกำหนดระยะเวลาประเมินไม่เกิน ๒๐ นาที ต่อผู้สมัครหนึ่งราย

               3. ยกเลิกเกณฑ์การประเมินและวิธีการให้คะแนน ภาค ค แบบรูบริค (Scoring Rubric)

               4. ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง แล้วแต่กรณี เป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการประเมิน ภาค ค จำนวน 3 – 5 คน ประกอบด้วย ผู้อำนวยการสถานศึกษา 1 คน ครู 1 คน และผู้ทรงคุณวุฒิอย่างน้อย 1 คน

               5. มอบสำนักงาน ก.ค.ศ. ปรับแก้ไขรายละเอียดส่วนอื่นของหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ให้สอดคล้องกัน

        4. การสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของประธานอนุกรรมการหรืออนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา

         เนื่องจากในขณะนี้เป็นช่วงการรับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงอาจมีประธานอนุกรรมการหรืออนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาบางคนสมัครเข้ารับการเลือกตั้ง ซึ่งอาจส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โปร่งใส เป็นธรรม และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล จึงเห็นควรขอความร่วมมือไปยังประธานฯหรืออนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา ที่สมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร งดการเข้าร่วมประชุม อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาเป็นการชั่วคราว จนกว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งจะประกาศผลการเลือกตั้งฯ โดยให้ ผอ.สพท. ในฐานะอนุกรรมการและเลขานุการ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา เป็นผู้แจ้ง 

        5. การให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเลื่อนเป็นวิทยฐานะศึกษานิเทศก์ เชี่ยวชาญพิเศษ
            อนุมัติให้ นางจันทรา ด่านคงรักษ์ เลื่อนเป็นวิทยฐานะศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญพิเศษ

         6. อนุมัติย้ายและแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ให้ไปดำรงตำแหน่งและวิทยฐานะเดิม ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งใหม่ จำนวน 33 ราย 

          7. อนุมัติบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ได้รับการคัดเลือกและขึ้นบัญชีรอการบรรจุ ให้ไปดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 124 ราย


ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: สำนักงาน ก.ค.ศ. วันที่ 25 เมษายน 2566
  • 25 เม.ย. 2566 เวลา 19:40 น.
  • 30,608

TAGS ที่เกี่ยวข้อง >>

^