5 ประเด็นคำถาม กับข่าว "เอกชัย"แย้มอนาคตอาจไม่ใช้ตั๋วผู้บริหารสถานศึกษา โดยรองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ นพรัก
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
##### ๕ ประเด็นคำถาม กับข่าว "เอกชัย"แย้มอนาคตอาจไม่ใช้ตั๋วผู้บริหารสถานศึกษารองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ นพรัก
ประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย
ประธานที่ประชุมคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย
คณบดีวิทยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา
#ประเด็นที่ ๑ “กมว.ทบทวนกรณีผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ไม่จำเป็นต้องจบป.โทบริหารการศึกษา?”
##ประเด็นกฎหมาย
“ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖ ก็ไม่ได้กำหนดให้ผู้บริหารสถานศึกษา จบปริญญาโทบริหารการศึกษา ดังข้อกำหนด ดังนี้
ข้อ ๗ ผู้ประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา ต้องมีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการบริหาร
การศึกษา หรือเทียบเท่า หรือมีคุณวุฒิอื่นท่ีคุรุสภารับรอง
ข้อ ๘ ผู้ประกอบวิชาชีพผู้บริหารการศึกษา ต้องมีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการบริหารการศึกษาหรือเทียบเท่า หรือมีคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรอง”
###สรุป กฎหมายกำหนดให้ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษามีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการบริหารการศึกษา จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทบทวน ประเด็นการจบ ป.โท บริหารการศึกษา
#ประเด็นที่ ๒ มีสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย เปิดหลักสูตรปริญญาตรีทางการบริหารการศึกษา หรือไม่?
##สถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย ไม่เปิดหลักสูตรปริญญาตรีทางการบริหารการศึกษา ด้วยเหตุผล ๓ ประการ
ประการที่ ๑ ไม่มีอัตราสอบบรรจุเป็นครู สำหรับวุฒิปริญญาตรีทางการบริหารการศึกษา
ประการที่ ๒ ผู้ที่ประสงค์จะเป็นผู้บริหารทางการศึกษา ล้วนเป็นครูประจำการที่มีวุฒิอย่างน้อยปริญญาตรีอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องเรียนวุฒิปริญญาตรีอีกหนึ่งใบ
ประการที่ ๓ ผู้ประสงค์จะเป็นผู้บริหารทางการศึกษาต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูหนึ่งใบ ต้องมีประสบการณ์การสอน และต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารทางการศึกษา ด้วย
###สรุป แม้กฎหมายจะกำหนดแค่วุฒิปริญญาตรี แต่ก็ไม่มีสถาบันเปิดสอน และแม้จะเปิดสอนก็ไม่มีผู้ใดประสงค์จะเรียน ด้วยเหตุผล ๓ ประการดังกล่าวข้างต้น
ดังนั้น ผู้ประสงค์จะเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารทางการศึกษา จึงเลือกเรียนปริญญาโททางการบริหารการศึกษา ซึ่งจะได้รับประโยชน์ทั้ง การได้ความรู้ การเพิ่มวุฒิ และการเป็นผู้บริหารทางการศึกษา
#ประเด็นที่ ๓ “อนาคตใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาจะไม่มี” ได้ไหม?
##ประเด็นกฎหมาย
ราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษาพ.ศ. ๒๕๔๖
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
“วิชาชีพ” หมายความว่า วิชาชีพทางการศึกษาที่ทําหน้าที่หลักทางด้านการเรียน การสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่างๆ รวมทั้งการรับผิดชอบการบริหารสถานศึกษาในสถานศึกษาปฐมวัย ขั้นพื้นฐาน และอุดมศึกษาที่ต่ำกว่าปริญญาทั้งของรัฐ เอกชน และการบริหารการศึกษานอกสถานศึกษาในระดับเขตพื้นที่การศึกษา ตลอดจนการ สนับสนุนการศึกษา ให้บริการหรือปฏิบัติงานเก่ียวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ และการบริหารการศึกษาในหน่วยงานการศึกษาต่างๆ
“ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา” หมายความว่า ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพตามพระราชบัญญัตินี้
“ผู้บริหารสถานศึกษา” หมายความว่าบุคคลซึ่งปฏิบัติงานในตําแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาภายในเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาอื่นที่ที่จัดการศึกษาปฐมวัย ขั้นพื้นฐานและอุดมศึกษาต่ำกว่าปริญญาทั้งของรัฐและเอกชน
“ผู้บริหารการศึกษา” หมายความว่า บุคคลซึ่งปฏิบัติงานในตําแหน่งผู้บริหารนอกสถานศึกษาในระดับเขตพื้นที่การศึกษา
“ใบอนุญาต” หมายความว่าใบอนุญาตประกอบวิชาชีพซึ่งออกให้ผู้ปฏิบัติงาน ในตําแหน่งครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามพระราชบัญญัตินี้
###สรุป “ผู้บริหารสถานศึกษา” และ “ผู้บริหารการศึกษา” เป็น “ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา” ที่ต้องมี”ใบอนุญาต” ตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษาพ.ศ. ๒๕๔๖
การจะกำหนดให้ ผู้บริหารทางการศึกษา ไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา จึงเป็นการกระทำที่ขัดกับกฎหมาย ไม่สามารถกระทำได้
#ประเด็นที่ ๔ ทำไมสถาบันอุดมศึกษาจึงเปิดหลักสูตรปริญญาโททางการบริหารการศึกษา? และทำไมจึงมีผู้นิยมเรียนหลักสูตรข้างต้น?
##สถาบันอุดมศึกษาเปิดหลักสูตรปริญญาโททางการศึกษา ด้วยวัตถุประสงค์ ๒ ประการ
ประการที่ ๑ เพื่อสนองตอบความต้องการในการพัฒนาผู้บริหารทางการศึกษาของประเทศ
ประการที่ ๒ เพื่อจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาให้เป็นไปตามเกณฑ์ สกอ. และมาตรฐานหลักสูตร มาตรฐานการผลิต และมาตรฐานบัณฑิต ตามที่คุรุสภากำหนด
##ครูประจำการนิยมเรียนหลักสูตรปริญญาโททางการบริหารการศึกษา ด้วยวัตถุประสงค์ ๓ ประการ
ประการที่ ๑ เพื่อพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความสามารถด้านการบริหารการศึกษา ในการพัฒนาวิชาชีพครูของตนเอง
ประการที่ ๒ เพื่อเพิ่มวุฒิการศึกษาของตนให้สูงขึ้น เป็นการยกระดับความรู้ระดับอุดมศึกษา
ประการที่ ๓ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารทางการศึกษา
###สรุป การพัฒนาคุณภาพผู้บริหารทางการศึกษาในปัจจุบัน เป็นการทำงาน ๔ ประสาน ได้แก่
(๑)คุรุสภาผู้กำหนดมาตรฐานตามที่กฎหมายวิชาชีพกำหนด (๒)สถาบันผลิตครูที่ต้องพัฒนาคุณภาพของสถาบันในการผลิตบัณฑิตตามมาตรฐานคุรุสภา (๓)ก.ค.ศ.ผู้กำหนดสมรรถนะของผู้บริหารทางการศึกษาในการพัฒนาสถาบันผลิตครูและพัฒนาผู้บริหารในการเข้าสู่ตำแหน่ง (๔)ครูผู้สอนที่มีความประสงค์จะเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหาร ซึ่งทั้ง ๔ ประสานมีเป้าหมายเดียวกันคือ ยกระดับคุณภาพของผู้บริหารทางการบริหารการศึกษาของชาติ
#ประเด็นที่ ๕ “ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาที่ไม่จำเป็นต้องจบปริญญาโท สาขาบริหารการศึกษา แต่จะต้องมีประสบการณ์การบริหารการศึกษา” เป็นการย้อนแย้งทางด้านความคิด?
##การบริหารเป็นทั้งศาสตร์และศิลปะ
ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖
ข้อ ๗ มีมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ดังต่อไปนี้
(ก) มาตรฐานความรู้ ประกอบด้วยความรู้ ดังต่อไปนี้
๑) การพัฒนาวิชาชีพ
๒) ความเป็นผู้นําทางวิชาการ
๓) การบริหารสถานศึกษา
๔) หลักสูตร การสอน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
๕) กิจการและกิจกรรมนักเรียน
๖) การประกันคุณภาพการศึกษา
๗) คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณ
ข้อ ๘ มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ดังต่อไปนี้
(ก) มาตรฐานความรู้ ประกอบด้วยความรู้ ดังต่อไปนี้
๑) การพัฒนาวิชาชีพ
๒) ความเป็นผู้นําทางวิชาการ
๓) การบริหารการศึกษา
๔) การส่งเสริมคุณภาพการศึกษา
๕) การประกันคุณภาพการศึกษา
๖) คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณ
###สรุป “การย้อนแย้งทางความคิด” มาจาก การที่จะกำหนดให้ต้อง”มีประสบการณ์การบริหารการศึกษา” แต่ไม่ได้กล่าวถึงการกำหนดให้มีความรู้ จึงจะไปกำหนดว่า “ไม่จำเป็นต้องจบป.โทบริหารการศึกษา” ทั้งที่ คุรุสภากำหนดมาตรฐานความรู้ของผู้บริหารทางการศึกษาไว้อย่างชัดเจนข้างต้น
ศาสตร์และศิลปทางการบริหารการศึกษา คือสมรรถนะทางการบริหารการศึกษา ซึ่งต้องมีทั้งความรู้ ประสบการณ์ ทักษะ และคุณลักษณะ ตามที่สำนักงาน ก.พ. ได้ให้ความหมายของสมรรถนะไว้ดังนี้ “สมรรถนะ (Competency) คือ คุณลักษณะเชิงพฤติกรรม (Bahavioral Attribute) ที่เป็นผลมาจากความรู้ (Knowledge/Wisdom) ทักษะ (Skill) ความสามารถ (Ability) และคุณลักษณะ (Attribute) อื่นๆ (Core Competency/Functional Competency/Special Competency = Competency) ที่ทำให้บุคคลสามารถสร้างผลงาน (Output/Outcome) ได้โดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมงานอื่นๆ ในองค์กร”
###คำถาม คือ
(๑) ความรู้และประสบการณ์ของผู้จะเข้าสู่ตำแหน่งบริหารมาจากไหน? ถ้าไม่มาจากการเรียนในหลักสูตรปริญญาโททางการบริหารการศึกษา
(๒) ถ้าตอบข้อ (๑)ว่า เมื่อสอบได้แล้วจะต้องเข้าอบรม ก็คงเป็นความย้อนแย้งทางความคิดอีกว่า “ความเชื่อว่าการอบรมเพียง ๖๐-๙๐ ชั่วโมง จะทำให้มีคุณภาพมากกว่า ผู้เรียนหลักสูตรปริญญาโททางการศึกษา ๒ ปี” นั้น เป็นความเชื่อที่ถูกต้อง มีหลักฐานทางวิชาการอ้างอิงหรือไม่?
(๓) ผู้จะเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารทางการศึกษา จะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารทางการศึกษาตามกฎหมาย จะใช้วิธีใดให้ได้รับใบอนุญาตฯ? และ ถ้าจะให้ทดสอบรับใบอนุญาตฯ คุณสมบัติฯของผู้ขอเข้าทดสอบจะเป็นอย่างไร? ซึ่งก็คงต้องเทียบเคียงกับการทดสอบรับใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาชีพครู นั่นคือต้องผ่านการเรียนในหลักสูตรการบริหารทางการศึกษามาด้วย
ข้อเสนอ คือ
กมว.กำกับคุณภาพสถาบันที่เปิดสอนหลักสูตรบริหารทางการศึกษา ให้มีมาตรฐานหลักสูตร มาตรฐานการผลิต และมาตรฐานบัณฑิตฑิต ให้การผลิตมีคุณภาพ และมหาบัณฑิตมีสมรรถนะทางการบริหารการศึกษา ตามที่ต้องการจะดีไหมครับ?
ผมเตรียมข้อเสนอความเห็นและคำถามไว้ เมื่อท่านประธาน กมว. จัดทำร่างมาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาและการศึกษาแล้วเสร็จ และนำเสนอให้ที่ประชุมสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ แห่งประเทศไทยพิจารณา ครับ
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 เวลา 16.30 น.