ทดลองเลื่อนเงินเดือนร้อยละของขรก.ครู ในรร.ขนาดเล็ก (กลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ) โดยใช้ฐานข้อมูลจริง
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
ทดลองเลื่อนเงินเดือนร้อยละของขรก.ครู ในรร.ขนาดเล็ก
(กลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ)
โดยใช้ฐานข้อมูลจริง
บทความ โดย : คุณนภัทร อินทรุณ
#ทดลองเลื่อนให้ดูว่าครูในโรงเรียนขนาดเล็กที่บอกว่าถ้าเลื่ิอนเป็นร้อยละ #อาจได้เลื่อนเงินเดือนน้อยลงจากที่เลื่อนเป็นขั้นว่าจริงหรือไม่
ทดลองให้ดู 3 แบบเพื่อเปรียบเทียบกัน คือ
1.เลื่อนโดยอิงจำนวนคน15%ตามระบบขั้น
2.เลื่อนตามหลักการที่ให้จำแนกคนตามผลการประเมินเป็น5ระดับ และ
3.เลื่อนโดยอิงจากข้อมูลการเลื่อนร้อยละที่ผ่านมาของพลเรือนส่วนกลางและ 38ค.(2)ใน สพท.
#ข้อมูลจากตารางวิเคราะห์ได้ง่ายๆว่า
1.#ไม่ว่าจะบริหารแบบไหนก็ได้มากกว่า0.5ขั้นเดิมและได้มากกว่า 1.5ขั้นทั้งปีเกือบทุกคน (ติดลบแค่2-4คน)
2. #การบริหารวงเงินตามหลักการที่ให้มีคะแนนการประเมิน5ระดับ เป็นการบริหารที่สมบูรณ์แบบที่สุดและกำหนด%เลื่อนได้สูงกว่าการบริหารแบบอื่น และมองเห็นความแตกต่างของคะแนนที่ได้กับ%ได้ชัดเจน (เรียกว่าการจำแนกคนตามผลงาน)
3.#การบริหารวงเงินในปัจจุบันของส่วนราชการส่วนใหญ่และสพท. เป็นแบบที่ 3 คือ มีแค่ 2-3ระดับ(จากที่ ก.พ.กำหนดว่าอย่างน้อยต้อง5ระดับ) คือประเมินดีเด่นเกือบทั้งหมด มีระดับดีมากบ้าง และระดับดีอาจไม่มีเลย จะเห็นว่าเม็ดเงินส่วนใหญ่ไปกองในระดับดีเด่น และในแต่ละคะแนนประเมินของระดับดีเด่น(ระดับอื่นก็เช่นกัน)สามารถซอยเป็น%ย่อยได้ตามคะแนนที่ต่างกันได้อีกเช่นกัน
#สรุปว่า..#การเลื่อนเงินเดือนร้อยละได้เลื่อนใกล้เคียงกับระบบขั้นเมื่อเทียบกับการเลื่อน 0.5.และ 1.5ขั้นทั้งปี แม้แต่ในโรงเรียนขนาดเล็ก (จากฐานข้อมูลโรงเรียนนี้) #ในภาพรวมอาจมีความแตกต่างกันไปขึ้นกับตัวแปรจำนวนครูและฐานเงินเดือนครูแต่ละคน แต่เชื่อว่าสามารถอ้างอิงตามหลักการนี้ได้
#สรุปจริงๆ #อย่าเพิ่งดีใจไป นี่คือการเปรียบเทียบระบบเท่านั้น
#ในบริบทจริงที่โหดร้าย ในส่วนราชการ/สพท.ไม่ได้มีแค่โรงเรียนเดียว แต่ละโรงไม่ได้มีครูจำนวนเท่ากัน และครูแต่ละคนเงินเดือนมากน้อยต่างกัน
#โรงเรียนใหญ่ ครูมาก เงินเดือนเยอะ วงเงินใช้เลื่อนได้เยอะ ร้อยละเลื่อนก็จะสูง เงินเดือนแต่ละคนพุ่งฉิว
#โรงเรียนเล็ก ครูน้อย เงินเดือนน้อย วงเงินเลื่อนน้อย ร้อยละเลื่อนก็น้อยตาม ก็นั่งแหงนมองเงินเดือนคนอื่นพุ่งไป
#สพฐ.จัดสรรวงเงินเลื่อนในภาพรวมให้ สพท. สพท.เป็นคนจัดสรรวงเงินในภาพรวมเขตให้แต่ละโรงเรียน ถ้า สพท.จัดสรรและบริหารวงเงินบนพื้นฐานความโปร่งใสเป็นธรรมให้แก่ทุกโรงเรียนในเขตได้ #ความเหลื่อมล้ำแตกต่างของการได้เลื่อนเงินเดือนแต่ละคนแต่ละรอบก็จะน้อย
#แต่ถ้า กศจ.หรือ สพท.บริหารวงเงินโดยไม่เหลียวแลโรงเรียนเล็กที่เงินน้อยๆครูตัวน้อยๆนั่งทำงาน บริหารตามมีตามเกิด ก็เป็นกรรมของผู้ปฏิบัติไป
#ที่ไหนก็เหลื่อมล้ำเหมือนกัน แค่เลื่อนต่างกันคงไม่เป็นไร #เพราะครูยังมีเงินวิทยฐานะและค่าตอบแทนเพิ่มจากเงินเดือนทุกเดือน
#พลเรือนส่วนกลางอย่างเราและพี่น้อง38ค.(2)อีกหลายพันชีวิตในเขตมีแต่เงินเดือนเพียวๆ(แถมน้อยนิด) ยังไม่มีใครอดตายเลย #แค่หนี้สินเยอะขึ้นเท่านั้นเอง
#ขอบคุณพี่สาวจาก สพม.ที่ส่งข้อมูลจริงจากโรงเรียนในสังกัดมาให้วิเคราะห์เพื่อประโยชน์ของผู้เกี่ยวข้องนะคะ
#ข้อมูลจากตารางด้านบนวิเคราะห์ได้ง่ายๆว่า
1.ไม่ว่าจะบริหารแบบไหนก็ได้มากกว่า0.5ขั้นเดิมและได้มากกว่า 1.5ขั้นทั้งปีเกือบทุกคน (แบบที่ 1ติดลบ1.5ขั้นแค่ 4 คน)
2.แบบเดิม 11 คน ดีเด่นได้ 1ขั้น(15%) ได้แค่ 2คน แต่การประเมินร้อยละจำนวนคนได้ดีเด่นเป็นไปตามคะแนนการประเมินจากผู้ประเมินไม่ได้กำจัดโควตาและจำนวนคน เดิมอันดับเดียวกัน เงินเดือนเท่ากัน คะแนนตั้งแต่ 60 -89ได้ 0.5ขั้นเท่ากัน แต่เป็นร้อยละ% แปรผันโดยตรงกับคะแนนประเมิน
#ข้อมูลจากตารางด้านบนวิเคราะห์ได้ง่ายๆว่า
1.ไม่ว่าจะบริหารแบบไหนก็ได้มากกว่า0.5ขั้นเดิมและได้มากกว่า 1.5ขั้นทั้งปีเกือบทุกคน (ติดลบ1.5ขั้นแค่2คน)
2. การบริหารวงเงินตามหลักการที่ให้มีคะแนนการประเมิน5ระดับ เป็นการบริหารที่สมบูรณ์แบบที่สุดและกำหนด%เลื่อนได้สูงกว่าการบริหารแบบอื่น และมองเห็นความแตกต่างของคะแนนที่ได้กับ%ได้ชัดเจน (เรียกว่าการจำแนกคนตามผลงาน)
3.ข้อเท็จจริงยังไม่เคยเห็นการประเมินลักษณะแบบนี้ใน สพฐ.ส่วนกลางและสพท.(เขตไหนมีเอามาโชว์หน่อย)
#ข้อมูลจากตารางด้านบนวิเคราะห์ได้ง่ายๆว่า
1.ไม่ว่าจะบริหารแบบไหนก็ได้มากกว่า0.5ขั้นเดิมและได้มากกว่า 1.5ขั้นทั้งปีเกือบทุกคน (ติดลบ1.5ขั้นแค่3คน)
2.การบริหารวงเงินในปัจจุบันของส่วนราชการส่วนใหญ่ และ สพท. เป็นแบบที่ 3 คือ มีผลการประเมินแค่ 2 - 3ระดับ(จากที่ ก.พ.กำหนดว่าอย่างน้อยต้อง5ระดับ) คือประเมินดีเด่นเกือบทั้งหมด(แถมมีระดับดีเด่น 1 2 3 4 ฯลฯด้วย) มีระดับดีมากบ้าง และระดับดีอาจไม่มีเลย
3.จะเห็นว่าเม็ดเงินส่วนใหญ่ไปกองในระดับดีเด่น (ทำให้%สูงสุดกำหนดได้น้อยลงกว่าการบริหารแบบอิงหลักเกณฑ์ตามแบบที่ 2)
4.ในแต่ละคะแนนประเมินของระดับดีเด่น(ระดับอื่นก็เช่นกัน)สามารถซอยเป็น%ย่อยได้ตามคะแนนที่ต่างกันได้อีกเช่นกัน
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: เฟซบุ๊กคุณนภัทร อินทรุณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562