LASTEST NEWS

19 ม.ค. 2568(( รวมลิงก์ )) ประกาศตำแหน่งว่างรับย้ายครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านระบบ TRS ประจำปี พ.ศ. 2568 ครั้งที่ 1 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ 18 ม.ค. 2568"เสมา1" ยืนยันการสอบโอเน็ตมีความจำเป็นแต่ไม่บังคับ "ธนุ" ขานรับไปดำเนินการ 18 ม.ค. 2568สพฐ.เสนอ กพฐ.แก้ไขระเบียบปิด-เปิดภาคเรียน พ.ศ.2549 เลื่อนวันปิดภาคเรียน 18 ม.ค. 2568"สพฐ." เปิดผลสำรวจความคิดเห็น หนุนเลื่อนเปิดภาคเรียนจากเปิด 16 พ.ค.เป็น 1 พ.ค. 18 ม.ค. 2568ด่วน!! มาแล้ว รวมลิงก์อบรม Webinar AI 12 หลักสูตร วันที่ 18 มกราคม 2568 ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อรับเกียรติบัตร 18 ม.ค. 2568ลิงก์เว็บไซต์ตรวจสอบรายชื่อ การ​ลงทะเบียนเพื่อ"รับเกียรติบัตร" เข้าร่วมอบรม หลักสูตรพัฒนาทักษะดิจิทัล AI 12 หลักสูตร  18 ม.ค. 2568สพฐ.แจ้งโอนจัดสรรงบประมาณค่าตอบแทนพนักงานราชการ (เพิ่มเติม) และค่าตอบแทนพนักงานราชการประจำศูนย์ประสานงานประจำเขตตรวจราชการ ระยะเวลา 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.2568) 18 ม.ค. 256828 คำถามยอดฮิตเรื่องระบบย้าย TRS ที่ครูต้องรู้! 17 ม.ค. 2568สพป.สระแก้ว เขต 2 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย 30 อัตรา - รายงานตัว 27 มกราคม 2567 17 ม.ค. 256813 ข้อดีของการหยุดพูด

ถ้ายังแก้ปัญหาโรงเรียนชนบทไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงปฏิรูปการศึกษาระดับชาติ!

  • 03 ต.ค. 2561 เวลา 14:13 น.
  • 3,056
ถ้ายังแก้ปัญหาโรงเรียนชนบทไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงปฏิรูปการศึกษาระดับชาติ!

นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ LINE it! - +

ถ้ายังแก้ปัญหาโรงเรียนชนบทไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงปฏิรูปการศึกษาระดับชาติ!

     เมื่อวานผมเขียนถึงเรื่องของโรงเรียนเล็กๆ ในต่างจังหวัดที่กำลังเป็นเป้าของการ “ยุบหรือควบรวม” หากมีนักเรียนต่ำกว่า 120 คน

      แต่หากลงไปพูดคุยและแลกเปลี่ยนกับครู ผู้ปกครอง และนักเรียนเองจะเห็นว่าแต่ละท้องที่อยู่ในสภาพที่แตกต่างกัน ไม่สมควรจะใช้ไม้วัดเดียวกัน และไม่ควรมุ่งแต่จะใช้นโยบายแบบ “เสื้อโหล” หรือที่ฝรั่งเรียกว่า One size fits all มาแก้ปัญหา

      จากการตั้งวงพูดคุยของผมกับครูและนักเรียนของสองโรงเรียนเล็กๆ ที่ขอนแก่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (แห่งแรกมีนักเรียน 51 คน อีกแห่งมี 42 คน) สัมผัสได้ถึงวิธีแก้ที่ควรจะมีมากกว่าแค่จะยุบหรือควบรวม แต่ต้องมองหาวิธีการที่จะช่วยสร้างคุณภาพของการเรียนการสอนมากกว่า

      หนึ่งในโรงเรียนนี้สามารถสร้างให้เด็กประถมทำหุ่นยนต์เองได้ด้วยการเขียน coding พื้นฐาน ชนะการประกวดในระดับจังหวัด ระดับชาติ และระดับสากลมาแล้ว

      หากโรงเรียนถูกยุบ นักเรียนจะต้องเดินทางไปโรงเรียนอีกแห่งหนึ่งที่ห่างออกไป 3 กิโลเมตร และไม่มีอะไรรับรองว่าบรรยากาศการเรียนการสอนจะสามารถกระตุ้นให้เด็กมีความกระตือรือร้นในการทำอะไรใหม่ๆ ที่ท้าทายเหมือนที่อยู่ที่เดิม

      ทั้งครู นักเรียน และผู้ปกครองต่างยืนยันว่าพร้อมจะจับมือรักษาความเป็น “โรงเรียนชุมชน” ของตนเอาไว้อย่างสุดฤทธิ์

      ผมจำได้ว่ารัฐมนตรีศึกษาฯ เคยบอกว่า นโยบายเรื่องนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จเพราะคนเสนอทางแก้กับคนลงไปแก้เป็นคนละคนกัน

      ทฤษฎีกับภาคปฏิบัติไปกันคนละทาง ผู้ตกเป็นเหยื่อของการขาดการบูรณาการก็คือเด็กในชนบทนั่นเอง

      เมื่อเร็วๆ นี้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ บอกว่าในการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้รับฟังผลการศึกษาสภาพจริงของโรงเรียนขนาดเล็กของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ขณะนี้โรงเรียนขนาดเล็กของ สพฐ.มีอยู่ประมาณ 15,000 แห่ง

      เรื่องของเรื่องก็คือ โรงเรียนแต่ละแห่งแม้จะมีปัญหาที่คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันทั้งหมด จึงจำเป็นต้องหาทางแก้ไขที่แตกต่างกันไป

      รัฐมนตรีศึกษาฯ บอกว่าการแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กที่ผ่านมาก็มีหลากหลายวิธี ทั้งการควบรวม การยุบโรงเรียน แต่อุปสรรคที่เกิดขึ้นทำให้การแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ทั้งนี้ก็เพราะคนคิดวิธีแก้กับคนแก้ปัญหาและคนเจอปัญหามันคนละคนกัน

      ดังนั้นท่านบอกว่าจะมอบเป็นนโยบายว่า ต่อจากนี้ไปการแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กจะต้องมาจากระดับล่าง ไม่ใช่ให้ข้างบนสั่งลงไปแต่เพียงอย่างเดียว

      วิธีที่ว่านี้คือ ให้เขตพื้นที่วิเคราะห์สภาพปัญหาของโรงเรียนแต่ละแห่งอย่างละเอียดพร้อมเสนอทางออก จากนั้นให้เสนองบประมาณมาที่ส่วนกลางเพื่อของบประมาณบางส่วนของกระทรวงศึกษาฯ เองในส่วนที่ใช้ไม่ทันเมื่อเดือนธันวาคม จากสำนักงบประมาณมาดำเนินการจัดสรรให้ 

      ที่สำคัญคือ รัฐมนตรีบอกว่าความสามารถในการแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กที่ว่านี้ จะเป็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จผลงานของผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.)

      ดังนั้นท่านจึงบอกให้ผู้อำนวยการเขตพื้นที่ลงไปเยี่ยมโรงเรียนขนาดเล็กทุกสัปดาห์ ต้องรู้ว่าโรงเรียนขนาดเล็กอยู่ไกลจากเขตของตัวเองไปเท่าไหร่ ใช้เวลากี่ชั่วโมงในการเดินทาง รวมถึงโรงเรียนขนาดเล็กโรงไหนที่อยู่ไกลที่สุด พร้อมให้ทำรายงานมาด้วยว่าโรงเรียนเหล่านั้นมีปัญหาอะไรบ้างเป็นรายโรง และรายงานนั้นให้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหามาด้วย

      “เราต้องรู้สภาพปัญหาจริงๆ ของโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งผมเคยได้รับรายงานด้วยว่าบางเขตพื้นที่  ผอ.เขตพื้นที่ไม่เคยลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนเลย เรื่องนี้จะเป็นตัวชี้วัดให้เขตพื้นที่ เพราะผมไม่อยากได้ตัวชี้วัดแบบรวมๆ ว่าเขตพื้นที่ไหนมีคะแนนทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติหรือโอเน็ตสูงหรือต่ำ มันไม่มีความหมายอะไร ไม่สามารถเทียบเป็นตัวชี้วัดได้ อีกทั้งเมื่อดูสภาพตามความเป็นจริงที่ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาฯ เคยรายงานมาว่า พบโรงเรียนขนาดเล็กมีเด็กเรียน 1 คนต่อครู 1 คน ซึ่งประเด็นนี้เมื่อผมสอบถาม สพฐ.ก็พบว่าโรงเรียนไม่ได้ฝ่าฝืนนโยบายผม แต่อยู่ในความจำเป็นต้องทำ  เช่น ในพื้นที่ไม่มีโรงเรียนเอกชน การเรียนรวมกับโรงเรียนอีกแห่งต้องเดินทางไกลมาก เป็นต้น ซึ่งนี่คือตัวอย่างหนึ่งเท่านั้นของการลงพื้นที่ดูสภาพปัญหา” รัฐมนตรีศึกษาฯ กล่าวไว้

      ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลยครับที่ผู้รับผิดชอบจะลงไปหาข้อมูล พูดคุยกับครู นักเรียน และผู้ปกครองของแต่ละแห่ง เพื่อร่วมกันหาทางออกที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดของชุมชนนั้นๆ

      การจะปฏิรูปการศึกษาระดับชาติได้สำเร็จต้องพิสูจน์ด้วยการแก้ปัญหาโรงเรียนเล็กๆ ในชนบทก่อนครับ!

ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์ไทยโสพต์ วันที่ 03 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 00:01 น. 
  • 03 ต.ค. 2561 เวลา 14:13 น.
  • 3,056

TAGS ที่เกี่ยวข้อง >>

^