LASTEST NEWS

02 ส.ค. 2567โรงเรียนบ้านหลุบงิ้ว รับสมัครครูอัตราจ้าง วุฒิปริญญาตรี มีใบประกอบวิชาชีพครู เงินเดือน 6,000 บาท ตั้งแต่บัดนี้ - 6 สิงหาคม 2567 02 ส.ค. 2567สพฐ.แจ้งจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 เพื่อเป็นค่าจ้างสำหรับการปฏิบัติงานของพี่เลี้ยงเด็กพิการ ครั้งที่ 3 ระยะเวลา 1 เดือน (เดือนกันยายน 2567) 01 ส.ค. 2567สพป.กรุงเทพมหานคร เรียกบรรจุครูผู้ช่วย รอบที่ 2 จำนวน 8 อัตรา - รายงานตัว 8 สิงหาคม 2567 01 ส.ค. 2567เรียกล็อตใหญ่ ๆ สศศ.เรียกบรรจุครูผู้ช่วย รอบ 2 ปี 2567 จำนวน 146 อัตรา - รายงานตัว 16 สิงหาคม 2567 01 ส.ค. 2567โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ หอวัง นนทบุรี รับสมัครครูอัตราจ้าง 3 อัตรา เงินเดือน 15,000-20,000 บาท ตั้งแต่บัดนี้-10 สิงหาคม 2567 01 ส.ค. 2567ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับเขตสวนหลวง รับสมัคร ครู ศรช. วุฒิปริญญาตรีทุกสาขา เงินเดือน 15,000.-บาท ตั้งแต่วันที่ 1 - 13 สิงหาคม 2567 01 ส.ค. 2567ประกาศแล้ว !! เปิดรับสมัครสอบ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ. ปี 2567 รับสมัคร 16-22 สิงหาคม 2567 31 ก.ค. 2567สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รับสมัครพนักงานราชการ 18 อัตรา ตั้งแต่ 6-27 สิงหาคม 2567 31 ก.ค. 2567เมืองพัทยา รับสมัครพนักงานจ้าง จำนวน 178 ระหว่างวันที่ 1-9 สิงหาคม 2567  31 ก.ค. 2567มาแล้ว!! ลิงก์เว็บไซต์ตรวจสอบรายชื่อ และพิมพ์บัตรประจำตัว สอบใบประกอบวิชาชีพครู ครั้งที่ 2 ปี 2567

ปฏิรูปการศึกษา: ตระหนักไม่พอ ต้องตระหนกกันทั้งประเทศด้วย!

  • 13 ส.ค. 2561 เวลา 15:47 น.
  • 1,955
ปฏิรูปการศึกษา: ตระหนักไม่พอ ต้องตระหนกกันทั้งประเทศด้วย!

นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ LINE it! - +

ปฏิรูปการศึกษา: ตระหนักไม่พอ ต้องตระหนกกันทั้งประเทศด้วย!

    ผมนั่งตั้งวงสนทนากับศาสตราจารย์จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการศึกษาเมื่อสัปดาห์ก่อน ได้ข้อสรุปจากท่านว่า    
    "การปฏิรูปการศึกษาของไทยเป็น Mission Impossible แต่เราไม่ทำไม่ได้ ไม่สำเร็จไม่ได้ เพราะถ้าไม่ทำ ประเทศชาติจะเสียหายหนัก"
    วันนี้อาจารย์จรัสอายุ 84 แล้ว แต่ความคิดความอ่านยังแม่นยำคล่องแคล่ว อีกทั้งความมุ่งมั่นก็เต็มเปี่ยม    
    ปัญหาใหญ่ของการศึกษาไทยคือทุกคนอยู่ใน "comfort zone" ของตัวเอง เพราะต้องการอยู่กับบรรยากาศที่คุ้นเคย ไม่ต้องการก้าวออกจาก "เขตปลอดภัยของตัวเอง" โดยไม่ตระหนักว่าหากไม่ยอมก้าวพ้นกรอบเดิมๆ จะไม่มีทางแก้อุปสรรคเก่าๆ ได้เลย    
    อาจารย์จรัสบอกผมว่า "มหาวิทยาลัยไทยเราไม่รู้สึกว่าต้องแข่งขันกับใคร และโกรธไม่เป็น ดูอย่างมาเลเซียซิ เขาโกรธที่เขาแพ้สิงคโปร์ ต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะอยู่แนวเดียวกับสิงคโปร์ให้ได้ แต่คนไทยเราโกรธไม่เป็น เรายังยึดหลักใจเย็นๆ ทุกเรื่อง ทำให้เราไม่สามารถข้ามพ้นปัญหาเก่าๆ ได้..."    ตระหนักยังไม่พอ จะต้องตระหนกด้วย
    อาจารย์จรัสบอกว่า "ต้องเอาเครื่องหมายไม้หันอากาศออกจากคำว่าตระหนัก เพราะเราต้องตกใจ  ต้องตระหนกว่าเราอยู่ในสถานภาพที่อ่อนแอมากๆ แล้ว"
    "ถ้าเราไม่ปรับปรุงตัวเอง เพื่อนบ้านจะแซงเรา เวียดนามแซงไปแล้ว อีกหน่อยถ้าเราไม่แก้ไขจริงจัง เขมรก็จะแซงเรา" หัวหน้าคณะกรรมการที่มีหน้าที่ยกเครื่องระบบการศึกษาของประเทศบอกผม
    ครั้งนี้จะต้องปรับเปลี่ยนใหญ่ แก้ไขเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้อีกต่อไป
    เริ่มต้นต้องให้ครูสามารถสอนวิชาต่างๆ ได้ด้วยการเข้าไปสู่การรู้ทันดิจิทัลหรือ digital literacy 
    "เด็กสมัยนี้ 4-5 ขวบก็ใช้นิ้วจิ้มหาความรู้ตามที่ตัวเองต้องการได้แล้ว ทางเลือกมีมากมาย และข้อมูลที่ได้มาก็ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวอักษรอย่างเดียว มีทั้งภาษาทั้งภาพทั้งเสียงทั้งความเคลื่อนไหว และยังมีอารมณ์ของคนด้วย การสื่อสารเปลี่ยนไปอย่างมาก" อาจารย์จรัสบอก
    ประเด็นใหญ่คือทำอย่างไรให้เด็กในท้องถิ่นสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มดิจิทัลได้เหมือนเด็กในเมือง
    วิธีหนึ่งคือหากมีคนบริจาคมากรายพอก็จะสามารถซื้อสมาร์ตโฟนพื้นฐานราคาเครื่องละประมาณ  3,000 บาทจำนวนหนึ่งไปไว้ในห้องสมุดในต่างจังหวัด ให้เด็กสามารถยืมไปใช้ได้แทนที่จะยืมหนังสือ หันมายืมสมาร์ตโฟนซึ่งสามารถช่วยให้นักเรียนหาความรู้ได้ในหลายๆ รูปแบบ
    ปัญหาใหญ่คือแม้ในเมืองจะมีหลักสูตรมากและมีแพลตฟอร์มหลากหลาย แต่ไปไม่ถึงเด็กในชนบทห่างไกล 
    ท่านบอกว่าจะต้องใช้ความพยายามพิเศษจึงจะทำให้เด็กต่างจังหวัดเข้าถึงแพลตฟอร์มให้มากที่สุด
    จึงเสนอให้มีการตั้ง Digital Platforms เพื่อการเรียนรู้แห่งชาติ
    รัฐมนตรีศึกษา ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ตั้งคณะกรรมการเพื่อทำเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นทางปฏิบัติ ซึ่งน่าจะออกมาในรูปของ PPP (Private-Public Partnership) หรือหุ้นส่วนรัฐและเอกชนเพื่อทำให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
    ถ้าบริษัทใหญ่ๆ มารวมตัวกันทำกิจการร่วมเพื่อการนี้โดยรัฐให้การสนับสนุน
    "แค่ปลดล็อก อย่าไปกันเขาเท่านั้นเอง เรื่องดีๆ อย่างนี้ก็จะเกิด"
    แนวคิดของการปฏิรูปอีกด้านหนึ่งคือ "คืนศรัทธาให้เด็ก คืนศรัทธาให้ครู"
    ซึ่งหมายความว่าจะต้องกลับไปให้ความสำคัญแก่ครูและนักเรียน ไม่ใช่มุ่งแต่ใช้งบประมาณไปกับการสร้างตึกหรือปรับโครงสร้างเฉพาะในส่วนกลางเท่านั้น
    การจะทำให้การศึกษารับใช้สาธารณะได้จะต้องสร้างค่านิยมให้นักศึกษาทุกคนได้รู้ว่า ต้องเอาประโยชน์ส่วนรวมมาก่อนประโยชน์ส่วนตัว
    ในฐานะที่เคยเป็นอธิการบดีของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาจารย์จรัสบอกว่า "เช่นถ้ามหาวิทยาลัยทุกแห่งประกาศ signature ของตัวเอง เช่นจุฬาฯ ประกาศว่าคนที่จบจุฬาฯ จะไม่โกง จะดีกว่านี้เยอะเลย"
    "มหาวิทยาลัยต้องพอเพียง ความฟุ่มเฟือยไม่ใช่คำตอบ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ท่านพระราชทานหลักเศรษฐกิจพอเพียงไว้ดีมากอยู่แล้ว ตอนฉลอง 100 ผมถามจุฬาฯ ว่าเอาไหม เราประกาศนโยบายจุฬาฯ พอเพียง มีแต่คนอมยิ้มเพราะยังฟุ่มเฟือยกันอยู่ แต่หากประกาศว่าอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้าจุฬาฯ จะพอเพียง อย่างนั้นพอจะเป็นไปได้...."
    มหาวิทยาลัยใดจะเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำจะต้องนำด้วยจริยธรรม เรื่องของวิชาการเป็นเพียงส่วนเดียว แต่จริยธรรมต้องมาก่อน-อดีตอธิการบดียืนยันเช่นนั้น
    ตราบเท่าที่ผู้เกี่ยวข้องในวงการศึกษา (ซึ่งหมายถึงเกือบทุกคนในประเทศ) ยังไม่ "ตระหนก" และไม่รู้จักโกรธตัวเองที่สู้เพื่อนบ้านไม่ได้ ตราบนั้นคำว่าปฏิรูปการศึกษาก็คงเป็นเพียงคำขวัญสวยหรูที่จบลงด้วยการตั้งคณะกรรมการชุดแล้วชุดเล่าเท่านั้นเอง
    จงลุกขึ้นตระหนกกันทั้งประเทศได้แล้ว!

ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 00:01 น.   
  • 13 ส.ค. 2561 เวลา 15:47 น.
  • 1,955

TAGS ที่เกี่ยวข้อง >>

^