ความคร่ำครึของระบบ ออกใบประกอบวิชาชีพครู
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
ความคร่ำครึของระบบ ออกใบประกอบวิชาชีพครูมีข่าวว่ากระทรวงศึกษา กำลังพิจารณายกระดับภาษาอังกฤษของประเทศไทยด้วยการออกใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพครูเฉพาะด้าน ในวิชาภาษาอังกฤษสำหรับครูต่างชาติและครูไทย
สาเหตุเพราะขาดแคลนครูสอนภาษาอังกฤษ และข้าราชการครูที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาจริง ๆ ก็หาได้ยาก
คุณชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา บอกนักข่าวว่าได้หารือร่วมกับทีมงานวิชาการ ของรัฐมนตรีช่วยศึกษา นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ในประเด็นนี้และเห็นตรงกันว่า จะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้มีครูสอนภาษาอังกฤษที่มีคุณภาพ โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนของการขออนุญาตตามกฎกติกาของคุรุสภาปัจจุบัน
ใครไม่ทราบก็ควรจะทราบไว้ด้วยว่าตามหลักการของคุรุสภานั้น ใครจะเป็นครูต้องผ่านการอนุมัติของคุรุสภา และมีคุณสมบัติมากมายหลายอย่างที่ละเอียดยิบ ทำให้หาครูที่มีคุณภาพได้ยาก เพราะคนที่เก่งด้านไหนจะมาเป็นครูด้านนั้นไม่ได้ ต้องผ่านการสอบและต้องได้รับอนุญาตเป็น “ครู” เสียก่อน จึงจะสอนได้
อาชีพ “ครู” ของประเทศไทยจึงจำกัดเฉพาะคนที่มีใบอนุญาตของคุรุสภา คุณจะเก่งด้านภาษา วิทยาศาสตร์ ดนตรีหรืออะไรก็ตาม ไปสอนนักเรียนไม่ได้ เพราะคนเป็นครูต้องมีใบอนุญาตเป็นครู
ทั้ง ๆ ที่คำว่า “ครู” ในความหมายของการศึกษาของประเทศที่เจริญแล้ว ย่อมหมายถึงใครก็ได้ที่มีความรู้ความสามารถในด้านนั้น ๆ
เพราะการจะให้เด็กเก่งต้องได้คนที่เชี่ยวชาญด้านนั้น ๆ มาสอน ไม่ใช่เฉพาะคนที่สอบใบอนุญาตเป็นครู และมีความรู้เฉพาะด้านหรือไม่ก็พิสูจน์ไม่ได้
รัฐมนตรีช่วยธีระเกียรติ เคยบอกผมว่า ระเบียบคร่ำครึของกระทรวงศึกษาแบบนี้แหละ ที่เป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวง เพราะคนเก่งไม่ได้เป็นครู ส่วนครูที่มีใบอนุญาตก็ไม่แน่ว่าจะเก่งหรือสอนวิชาต่าง ๆ ได้ดี
ข้อเสนอใหม่อาจให้สถาบันภาษาอังกฤษที่เป็นที่ยอมรับสากลเช่น British Council มาสนับสนุนการประเมินความสามารถของครู เช่นการฟัง พูด อ่านและเขียน รวมถึงทักษะการจัดการเรียนการสอน เพื่อให้หน่วยงานนี้รับรองมาตรฐานความรู้
คนต่างชาติคนไหนต้องการจะเป็นครูสอนภาษาก็ต้องได้รับการยกระดับมาตรฐานเช่นกัน
แม้ “ฝรั่งขี้นก” หรือ ชาวต่างชาติที่เป็นนักท่องเที่ยวที่ถนนข้าวสาร หากโรงเรียนเปิดรับสมัคร อยากมาสอน ก็มาสอบผ่านมาตรฐานสากลนั้น
เพราะการเป็นครูที่ดีนั้นนอกจากภาษาดีแล้วก็ยังต้องมีทักษะการสอนที่ดีควบคู่ไปด้วย
ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้อย่างยิ่ง และไม่ใช่เฉพาะครูสอนภาษาอังกฤษเท่านั้น หากแต่ควรจะรวมหมายถึงครูสอนภาษาต่างชาติอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษาจีนหรือญี่ปุ่นหรือภาษาอาเซียนอื่น ๆ ที่ยิ่งวันยิ่งจะมีความสำคัญต่ออนาคตของเยาวชนไทย
อีกทั้งเรายังต้องการผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ มาสอนเยาวชนของเราให้มีความเก่งกาจสามารถและสร้างเสริมทักษะจาก “ชีวิตจริง” ของมืออาชีพ
เพราะสิ่งที่เด็กไทยขาดคือการได้ “เรียนกับคนทำงานจริง” เหตุเพราะเงื่อนไขของระเบียบราชการ ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทัศนคติที่ล้าสมัย หน่วยราชการต้องการมี “อำนาจ” ที่จะ “อนุญาต” หรือ “ไม่อนุญาต” ให้ใครทำอะไรหรือไม่ เพราะ “อำนาจ” คือผลประโยชน์และนั่นคือสาเหตุแห่งความถดถอย ของการพัฒนาประเทศอย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้
หาก “ปลดล็อก” เงื่อนไขอันไร้เหตุผลและเป็นคอขวด ของกระบวนการสร้างเด็กไทยได้ เราก็พอจะมองเห็นอนาคตของการเรียนการสอนเยาวชนไทยได้อีกก้าวหนึ่ง
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ โดย : กาแฟดำ วันที่ 23 พฤษภาคม 2559, 03:00 น.