สศสท.จี้รัฐปรับเพดานเงินเดือนแก้ความเหลื่อมล้ำ
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
สศสท.จี้รัฐปรับเพดานเงินเดือนแก้ความเหลื่อมล้ำนางทัศนีย์ บัวคำ ประธานก่อตั้งสมาพันธ์เครือข่ายสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมไทย(สศสท.) กล่าวว่า จากการที่มีการออกพรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ที่เป็นการปรับระบบข้าราชการจากซี เป็นระบบแท่ง ส่งผลให้มีการปรับอัตราเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูง และขั้นต่ำชั่วคราวของข้าราชการทุกประเภท ซึ่งไม่สอดคล้องกับระบบบริหารงานบุคคลของข้าราชการและอัตราเงินเดือนที่ควรได้ไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงเมื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในแต่ละระดับ โดยเฉพาะข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชากร ระดับปฏิบัติการและระดับชำนาญการที่มีความเหลื่อมล้ำ ไม่สอดคล้องกันและไม่มีความเป็นธรรม ประธานก่อตั้งสศสท. กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2558 สมาคมวิชาชีพสาธารณสุขและชมรมนักวิชาการสาธารณสุข ในฐานะเป็นกำลังคนทางด้านสุขภาพที่ได้รับผลกระทบจาก พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน ปี 2551 ด้วยการยกเลิกระบบซี เป็นระบบแท่ง ได้ส่งหนังสือร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำเกี่ยวกับอัตราเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ ไปยังนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)แล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ดังนั้นวันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม 2558 สมาพันธ์ฯจะเดินทางขอเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) เพื่อสะท้อนปัญหา ติดตามและทวงถามความคืบหน้า
นางทัศนีย์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลโปรดพิจารณาทบทวนและปรับปรุงอัตราเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของกลุ่มข้าราชการที่ได้รับผลกระทบให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงด้วยความเป็นธรรม พร้อมทั้งเร่งดำเนินการเยียวยาเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำเกี่ยวกับอัตราเงินเดือน และสร้างความเป็นธรรมให้กับข้าราชการที่ถูกเลือกปฏิบัติ ซึ่งในการเยียวยาจะต้องดำเนินการ อาทิปรับปรุงอัตราเงินเดือนประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการ และระดับปฏิบัติการ เป็นต้น ให้มีความสอดคล้องตามข้อเท็จจริงในการเลื่อนระดับของแต่ละตำแหน่ง มีความเท่าเทียมกับอัตราเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาระดับ คศ.1(เทียบเท่าข้าราชการระดับ3-5)และข้าราชการระดับชำนาญการ(เทียบเท่าข้ารากชารระดับ6-7) เป็นต้น “สมาพันธ์ฯมีวัตถุประสงค์ชัดเจนที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งเพื่อร่วมขับเคลื่อนเรื่องนี้และช่วยกันแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำของข้าราชการ สธ.ที่เป็นผลจากการเปลี่ยนระบบซี เป็นระบบเข้าแท่ง ตั้งแต่ปี 2551 ลุกลามจนถึงปัจจุบัน และปัญหาเหล่านี้ถูกเพิกเฉยไม่ได้รับการแก้ไขและไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ มา 7 ปี จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิของข้าราชการ สธ.ทำให้เกิดความสูญเสียกำลังคนด้านสุขภาพ ขาดขวัญกำลังใจ และขาดแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน ซึ่งข้าราชการ สธ.เหล่านี้ถือเป็นกลไกหลักสำคัญที่จะดูแลและให้บริการประชาชนในระบบสาธารณสุขให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี”นางทัศนีย์กล่าว
ขอบคุณเนื้อหาและที่มาของข่าวจาก : สำนักข่าวเนชั่น Nation BreakingNews วันที่ 5 ตุลาคม 2558 เวลา 14:31 น.