LASTEST NEWS

26 พ.ย. 2567สพฐ. เข้ม สั่งครูล่วงละเมิดนักเรียนออกจากราชการทันที ย้ำดูแลสภาพจิตใจเด็กเป็นสำคัญ 26 พ.ย. 2567สพฐ.เล็งทำบัตรสุขภาพนักเรียนออนไลน์ 26 พ.ย. 2567ทำไมครูส่วนใหญ่ ไม่สนใจสมัครสอบเป็นศึกษานิเทศก์ 26 พ.ย. 2567ก.พ.ยังนิ่งปมทบทวนจ้างเหมาบริการ “ธนุ” ไม่รอแล้วสั่งทำสัญญาจ่ายเงิน ตามระเบียบกรมบัญชีกลาง 25 พ.ย. 2567ล 1932/2567 หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู และที่แก้ไขเพิ่มเติม 25 พ.ย. 2567สพป.ฉะเชิงเทรา เขต 2 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย จำนวน 81 อัตรา - รายงานตัว 28 พ.ย. 2567 25 พ.ย. 2567สพป.สมุทรสาคร เรียกบรรจุครูผู้ช่วย 14 อัตรา รายงานตัว 3 ธันวาคม 2567 24 พ.ย. 2567โรงเรียนเมืองสุรินทร์ รับสมัครครูอัตราจ้าง 2 อัตรา ตั้งแต่วันที่ 25-27 พฤศจิกายน 2567 24 พ.ย. 2567โรงเรียนบ้านระไซร์(เด่นพัฒนา) รับสมัครครูอัตราจ้าง วุฒิปริญญาตรี เงินเดือน 7,000.- บาท  24 พ.ย. 2567สพป.เพชรบุรี เขต 2 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย 11 อัตรา - รายงานตัว 4 ธันวาคม 2567

แนะนำ วิธีสะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา ปัดเป่าสิ่งไม่ดี

usericon



จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังดวงตก ดวงไม่ดี ทำอะไรก็ติดขัดไปหมด หรือมีสัญญาณลางร้ายอะไรที่เป็นตัวบอกเหตุว่าดวงคุณกำลังจะถึงฆาต จะมีเคราะห์หนัก แอดมินมั่นใจว่าสิ่งที่คุณจะต้องนึกถึงกันเป็นอันดับแรกเลยก็คือการทำบุญสะเดาะเคราะห์ โดยการสะเดาะเคราะห์นี้เป็นการทำพิธีตามความเชื่อโบราณว่าจะสามารถช่วยแก้เคล็ด เสริมดวงชะตาให้ดีขึ้น และต่ออายุขัยให้กับเราได้ บางวิธีก็ยังถือเป็นการต่อชะตาชีวิต ให้ตัวเองมีอายุขัยยืนยาวมากขึ้นอีกด้วย หากใครอยากรู้ว่า วิธีสะเดาะเคราะห์มีอะไรบ้างแล้วละก็ โบมีมาแนะนำ 9 วิธีด้วยกัน


1. รักษาศีล 5ใครนับถือศาสนาพุทธ ข้อนี้อาจจะง่ายหน่อย เพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง นั่นก็คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดโกหก และ ไม่ดื่มสุราเมรัย ซึ่งถ้าหากทำทั้ง 5 ข้อนี้ได้ นอกจากจะได้หลีกเลี่ยงทำสิ่งที่เป็นบาป สร้างบุญกุศลและสะเดาะเคราะห์ได้ในทางหนึ่งแล้ว ก็ยังช่วยให้คุณมีจิตใจที่ผ่องใส ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขมากขึ้นอีกด้วย

2. กินเจ
การกินเจ ช่วยลดและละเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตได้ในทางอ้อม และยังเป็นการทำให้ทั้งกายใจเราบริสุทธิ์ จึงถือเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยสร้างบุญสร้างกุศล และ ช่วยให้สะเดาะเคราะห์ได้ โดยใครอยากกินเจ ไม่จำเป็นต้องกินเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น หากมีความตั้งใจ ก็สามารถกินได้ทุกเดือนเลย แต่แนะนำว่า ควรกินติดต่อกันอย่างน้อย 3 – 7 วัน เพื่อให้ได้รับอานิสงส์จากการกินเจได้อย่างเต็มที่

3. ทำบุญใหญ่
นอกจากเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง และ ช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาแล้ว การทำบุญใหญ่ ก็ถือเป็นวิธีสะเดาะเคราะห์อีกวิธีหนึ่ง เพราะบุญกุศลที่ได้รับ ย่อมช่วยปัดเป่าเคราะห์ร้ายและสิ่งที่เป็นอัปมงคลแก่ชีวิตออกไปได้เช่นเดียวกัน โดยสามารถทำได้หลายรูปแบบเลย ไม่ว่าจะเป็น สร้างโบสถ์ สร้างเจดีย์ ถวายลูกนิมิต ทำบุญทอดกฐิน บริจาคเงินให้วัด นำไปใช้ประโยชน์ต่าง ๆ เป็นต้น

4. ให้ทานแก่ผูอื่น
สำหรับใครที่ไม่มีเงินทุนหนา ถึงขนาดทำบุญใหญ่ได้ ก็อาจให้ทานเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่ผู้อื่นแทน เพราะเมื่อทำนาน ๆ มากเข้า ด้วยอานิสงส์ของการให้ทานเหล่านี้ ก็จะช่วยแก้เคล็ด สะเดาะเคราะห์ หรือ ผ่อนกรรมจากหนักให้เป็นเบาได้ โดยอาจจะให้ทานแก่คนยากคนจน คนพิการ บริจาคสิ่งของเครื่องใช้แก่คนยากไร้ หรือ อาจเผยแพร่ความรู้ที่มี เป็นวิทยาทานให้กับผู้อื่นก็ได้



5. ปล่อยนกปล่อยปลา ไถ่โคกระบือ
ปล่อยนกปล่อยปลา หรือ ไถ่โคกระบือ เป็นการทำบุญอีกหนึ่งวิธี ที่ช่วยสร้างบุญกุศล เพราะได้ช่วยชีวิตสัตว์ให้เป็นอิสระ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปลาบางชนิดอาจมีผลทำให้ระบบนิเวศบริเวณนั้นเสียสมดุล จึงควรศึกษาด้วยว่า ปลาเหล่านั้นเหมาะกับระบบนิเวศแบบไหน และ ควรปล่อย ณ พื้นที่บริเวณนั้นหรือไม่ โดยตามความเชื่อของคนไทย เชื่อกันว่า หากปล่อยกบ จะเป็นการอุทิศบุญกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร

6. สวดมนต์ แผ่เมตตาแก่เจ้ากรรมนายเวร
หากใครคิดว่าเคราะห์ร้ายที่กำลังประดังประเดเข้ามาในชีวิต มาจากเจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติ การสวดมนต์ แผ่เมตตา ก็อาจเป็นวิธีสะเดาะเคราะห์ที่ตรงจุดมากที่สุด เพราะจะได้ขออโหสิกรรมกันโดยตรง แถมยังช่วยทำให้จิตใจสงบและผ่องใส ที่สำคัญ ยังเป็นการปฏิบัติธรรมที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ได้เองที่บ้าน โดยที่ไม่ต้องไปบวชเพื่อสะเดาะเคราะห์ด้วย

7. ถวายน้ำมันตะเกียง
อีกหนึ่งวิธีสะเดาะเคราะห์แบบง่าย ๆ ก็คือ การถวายน้ำมันตะเกียงให้กับวัด ไม่ว่าจะเป็นการตั้งถวาย หรือ เติมน้ำมันตะเกียงด้วยตัวเอง ตามจุดต่าง ๆ โดยเชื่อกันว่า หากถวายน้ำมันตะเกียงแล้ว จะช่วยให้ดวงชะตาหลุดพ้นจากความมืดมิด มีความรุ่งโรจน์โชติช่วง เปรียบดั่งแสงสว่างของตะเกียง ที่ถ้าเติมน้ำมันตะเกียงอยู่ตลอดแล้ว ไฟจะยังคงส่องสว่าง ไม่มีวันดับนั่นเอง

8. ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธ์หรือบูชาขอพรเทพเจ้าต่างๆ
นอกจากแก้ซวย สะเดาะเคราะห์กันตามความเชื่อในทางพุทธศาสนาแล้ว อาจไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง รวมถึงเทพเจ้าอื่น ๆ ตามความเชื่อเพิ่มเติม เพื่อขออิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์เข้ามาคุ้มครองให้พ้นจากเคราะห์ร้ายต่าง ๆ อีกก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง พระแก้วมรกต หรือ เทพเจ้าไท้ส่วยเอี้ย เรียกได้ว่า เน้นเอาทั้งปริมาณและคุณภาพกันไปเลย แต่อย่าลืมละกันว่า ถ้าเกิดไปบนอะไรไว้ แล้วได้ตามที่หวัง ก็อย่าลืมไป
แก้บนด้วยละกัน ไม่งั้นอาจจะซวยหนักกว่าเดิมได้



9. นอนโลงศพ
มาถึงวิธีสุดท้ายกับ การนอนโลงศพ ซึ่งกลายเป็นวิธีสะเดาะเคราะห์แบบใหม่ที่คนไทยนิยมกันมาก เพราะเชื่อกันว่า นอกจากจะแก้ซวย ยังเป็นการช่วยต่ออายุให้มีชีวิตยืนยาว และทำให้ผู้ที่เข้าร่วมพิธีได้รู้จักสัจธรรมของชีวิต รู้จักปล่อยวางและใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น หลังจากที่ได้เข้าไปในนอน โลงศพ เหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว อย่างไรก็ตาม หากใครไม่ชอบ ก็สามารถทำบุญโลงศพ ซื้อโลงศพ บริจาคให้แก่ศพอนาถาไร้ญาติแทนก็ได้ ได้บุญใหญ่และเป็นการสะเดาะเคราะห์ได้ด้วยเช่นกัน
ร่วมแสดงความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น!

ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้

^