7 วิธีรักษาสิวหัวช้าง ได้ง่ายๆ อย่าปล่อยไว้ จนกลายเป็นหลุมสิว
สิวขึ้นหน้า เป็นสิวแค่เม็ดเล็กๆ ก็สร้างความน่ารำคาญใจ ให้กับคนที่เป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าเป็น “สิวหัวช้าง” ยิ่งต้องรีบหาวิธีรักษาสิวหัวช้างเพราะสิวประเภทนี้ นอกจากจะส่งผลกระทบทำให้ขาดความมั่นใจเพราะมีขนาดที่ใหญ่เห็นได้อย่างชัดเจน ยังจะทำให้เจ็บปวด และระบมที่ผิวหน้าเป็นอย่างมาก จนบางครั้งคนที่เป็น ไม่อยากออกจากบ้าน ไม่อยากพบปะผู้คนเลยทีเดียว
บทความนี้ จะทำให้คุณรู้จักกับสิวหัวช้างมากขึ้น ว่าสาเหตุการเกิดของสิวหัวช้างเกิดจากอะไร มีวิธีการป้องกันและการดูแลรักษาสิวหัวช้างอย่างไร เพื่อไม่ให้ผิวของคุณเกิดเป็นรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวหัวช้างในที่สุด
สิวหัวช้าง สาเหตุเกิดจากอะไร
สิวหัวช้าง (Acne Conglobata) หรือเรียกสั้นๆ ว่าสิว AC เป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรง ลักษณะเป็นสิวเม็ดใหญ่เหมือนถุงซีสต์ (cyst) และก้อนสิวตุ่มใหญ่ (nodule) เป็นหลายๆ หัวอยู่ติดกัน ขึ้นรวมกันอย่างหนาแน่น และภายในอาจมีหนองปนเลือด มักพบในวัยรุ่นที่ผิวหน้าค่อนข้างมันมาก หรือในบางคนที่คนในครอบครัวเคยมีประวัติเป็นสิวช้างด้วย โดยที่หัวสิวมักแตก มีหนองเยอะ และมีเลือดไหลเยอะ สิวมักมีจำนวนมากที่ใบหน้า หน้าอก และแผ่นหลัง
ข้อควรระวังสำหรับคนที่ผิวเป็นสิวหัวช้าง
เพราะสิวหัวช้าง เป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรง ดังนั้นในคนที่ผิวเป็นสิวหัวช้าง ห้ามบีบสิวหรือกดหัวช้าง เด็ดขาด ! เพราะบริเวณใต้ผิวของสิวหัวช้างนั้น จะมีหนองและเลือดปนอยู่ หากรักษาผิดวิธีอาจทำให้สิวหัวช้างยิ่งเกิดการอักเสบมากขึ้น วิธีรักษาสิวหัวช้างที่ถูกวิธี จึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
7 วิธีสิวหัวช้าง ได้ง่ายๆ อย่าปล่อยไว้ จนกลายเป็นแผลเป็นหลุมสิว
1. เริ่มรักษาสิว ตั้งแต่เป็นสิวอุดตัน
นี่คือขั้นตอนการวิธีรักษาสิวหัวช้างขั้นง่ายที่สุด คือการที่คุณรักษาสิวอุดตัน และป้องกันไม่ให้ผิวเกิดการอุดตันตั้งแต่แรก เพราะสิวอุดตันหากไม่ได้รับการแก้ไข จะนำไปสู่ปัญหาสิวอักเสบ สำหรับการอุดตันนั้น แนะนำให้ใช้ สาร Salicylic Acid, Benzoyl Peroxide, AHA กรดผลไม้ต่างๆ สารเหล่านี้จะช่วยลอกผิวด้านบน ทำให้ผิวหรือสิวที่อุดตันด้านบนหลุดออกไป
2. จัดการตั้งแต่สิวอักเสบได้ด้วยตัวเอง
การรักษาสิวอักเสบง่ายๆ ได้ที่บ้าน ขั้นตอนที่หนึ่ง : ล้างหน้าแบบถนอมผิว ไม่ขัด ไม่ถู ขั้นตอนที่สอง : ซับหน้าให้แห้ง ใช้กระดาษทิชชู่ห่อหุ้มน้ำแข็ง ประคบที่สิวอักเสบ 10 นาที ขั้นตอนที่สาม : พักผิวไว้ 10 นาที จากนั้นประคบด้วยน้ำแข็งต่ออีก 10 นาที ขั้นตอนที่สี่: ใช้ยาที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide (เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์) แต้มบริเวณที่หัวสิวอักเสบ ผิวแห้งใช้ 2.5% ผิวมันใช้ 5% ขั้นตอนที่ห้า: สิวอักเสบที่เริ่มมีหัวขาวๆ ใช้ผ้าชุบกับน้ำอุ่น ประคบที่สิว 10 นาที ประมาณ 3 ครั้ง / วัน ทำแบบนี้ในช่วงที่เป็นสิวอักเสบ 2-3 วัน สามารถช่วยให้สิวอักเสบลดลงได้
3. ไม่แคะ แกะ หรือบีบสิว
สิวหัวช้าง ไม่ควรแคะสิว ไม่ควรแกะสิว ไม่ควรบีบสิว เพราะบริเวณใต้ผิวของสิวหัวช้างนั้น จะมีหนองและเลือดปนอยู่ การแคะ แกะ บีบสิว จะยิ่งทำให้สิวอักเสบมากขึ้น และยิ่งทำให้สิวลุกลามไปยังผิวหน้าบริเวณๆ อื่นได้ง่ายขึ้น
4. ล้างหน้าถนอมผิว วันละ 2 ครั้ง
หยุดเข้าใจผิดว่า การล้างหน้าบ่อยๆ วันละหลายๆ ครั้ง จะยิ่งทำให้ผิวหน้าสะอาด นั่นเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะยิ่งล้างหน้าเยอะ จะทำให้ผิวหน้าคุณแห้งมากกว่าเดิม และทำให้ผิวขาดความสมดุล ขาดความชุ่มชื้น ผิวก็จะยิ่งผลิตน้ำมันส่วนเกินที่ผิวมากเกินไป แนะนำให้ล้างหน้าแค่วันละ 2 ครั้ง ตอนเช้า, ตอนเย็น แค่นี้ก็เพียงพอต่อผิว และอย่าลืมล้างหน้าอย่างเบามือที่สุด
5. ไม่รบกวนผิว ไม่ขัด ไม่ถูผิว
ในขณะที่ผิวของคุณมีปัญหาสิวหัวช้าง เราไม่แนะนำให้คุณทำ ทรีทเมนต์ผิวหน้า เช่น การนวดหน้า ขัดผิว ลอกหน้า เพราะจะยิ่งทำให้ผิวเกิดการอักเสบ และเกิดการระคายเคืองง่ายขึ้น งดได้ งดเลยช่วงนี้
6. ปรับพฤติกรรมทำร้ายสุขภาพ
เพราะระบบการทำงานของร่างกายและฮอร์โมนที่ผิดปกติ มีผลต่อการกระตุ้นทำให้เกิดสิวขึ้นเช่นกัน แนะนำให้คุณนอนหลังพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มากๆ ลดความเครียด หลีกเลี่ยง อาหารที่มีน้ำตาลสูง (Glycemic Index - G.I) ที่เป็นตัวกระตุ้นให้สิวเกิดขึ้นได้เช่น ข้าวขาว ขนมปัง มันฝรั่ง และอาหารรสหวานอื่นๆ
7. ปรึกษาแพทย์ผิวหนังด้านสิวโดยเฉพาะ
หากอาการสิวหัวช้างไม่ดีขึ้น และยังขึ้นลุกลามกระจายไปยังผิวหน้าส่วนอื่นๆ เรื่อยๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผิวหนัง ด้านสิวโดยเฉพาะเลยจะดีที่สุด เนื่องจากสิวหัวช้าง เป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรง ควรอยู่ในการดูแลรักษาของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกับเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน เช่น เครื่องมือเลเซอร์ที่ช่วยฆ่าเชื้อสิว ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (P.acnes) ที่จะช่วยลดการอักเสบของสิวและผิว ให้ดีขึ้นได้ รวมถึงการกินยา ทายา ที่อยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็จะยิ่งทำช่วยสิวหัวช้างหายเร็วขึ้น และปลอดภัยต่อสุขภาพของคุณอีกด้วย