เรื่องสั้้น“พลังบุญ...วงล้อแห่งกาลเวลา”
“ ความดี คือ ปฏิกิริยาการตอบสนองต่อสิ่งเร้าแบบอัตโนมัติ ซึ่งส่งผลให้เกิดพลังอานุภาพแบบปฏิกิริยาลูกโซ่ คุณสมบัติไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่ต้องการที่อยู่และหาซื้อแลกเปลี่ยนไม่ได้ ” เผลอแป๊บเดียว ก้มหน้าก้มตาทำงานเพลิน ๆ พอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
สิบหกปีพอดิบพอดี เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน อุดมการณ์ยังเต็มเปี่ยม ไม่ร้อนไม่หนาว อึด ทน แกร่ง ทุ่มเทกายใจ ทำงานเพื่อลูกศิษย์อย่างเต็มกำลัง กงจักรแห่งกาลเวลาทำหน้าที่เป็นผู้จดบันทึก และจดจำแบบไม่มีการนัดหมายจะปะด้วย
สีดำหรือสีขาว หรือสีขาวสลับดำขึ้นอยู่กับเจ้าของเวลา กว่าจะรู้ก็สายเสียแล้ว
ความรักความศรัทธาในอาชีพครู และความมีเมตตาต่อศิษย์เป็นพลังขับเคลื่อนแบบพลวัต เมล็ดพันธุ์แห่งความดียิ่งใช้ยิ่งงอกงามไม่ต้องเก็บไว้ในยุ้งฉาง“ ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ” พร้อมที่จะเจริญงอกงามในทุกแห่งหน เส้นทางการศึกษาของไทย เป็นเส้นทางวิบาก คดเคี้ยวไปมา ไม่กลมกลืนกับธรรมชาติ และแปลกแยกจากความจริง “ นักเรียนทนได้ให้ยกมือขึ้น ” ดังมีคนหลายกลุ่ม หลายระดับเข้ามาขุดทองในแวดวงการศึกษาจนซวนเซไปมา และหนักหนาสาหัสขึ้นไปอีก วัฒนธรรมการศึกษากำลังบั่นทอนวุฒิภาวะของผู้เรียน ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาศักยภาพอย่างเปิดเผยและชอบด้วยคุณธรรมและกฎหมาย
เด็กน้อยตาดำ ๆ ไม่มีทางต่อสู้และป้องกันตนเองได้เหมือน “ แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ” รุ่นแล้วรุ่นเล่า ท่ามกลางเสียงปรบมือ เสียงชมชอบระคนด้วยเสียงครวญครางเจ็บปวด ถูกต้องตามหลักวิชาการหรือไม่นั้น ไม่สำคัญอะไรขอให้ได้คนแพ้หรือคนชนะเท่านั้นก็พอแล้ว
“ เก่งตั้งแต่ยังไม่เกิด ตายตั้งแต่ยังไม่เกิด ” หรือ “ กำลังตายทั้งเป็น ” คนอ่านช่วยคิดหน่อย ? ผู้เขียนไม่แน่ใจในความหมายของข้อความเหล่านี้
ตื่นได้แล้ว ! ตื่นได้แล้ว ! “ ไม่ไปโรงเรียนหรือคุณ ” ข้าพเจ้าตกใจตื่นสุดตัว พร้อมลุกนั่ง “ โอ้โฮ ! เราฝันไปหรือนี่ ” โล่งอกไปทีเป็นแค่ความฝันไม่ใช่เรื่องจริง และในเช้าวันนั้นเอง ข้าพเจ้าไปประชุมประจำเดือนตามปกติ ขณะที่พบปะเพื่อนผู้บริหารและคุยกันอย่างสนุกสนานก่อนเข้าประชุม ในขณะที่สนทนากันอยู่นั้น เพื่อนผู้บริหารท่านหนึ่งหันมาทางข้าพเจ้าพร้อมกับพูดว่า “ xxxเนี่ย พูดก็ดี ความคิด
ก็ดีเป็นแค่ครูใหญ่ ” ข้าพเจ้านิ่งอึ้งไปนิดนึง แต่ก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร คิดแต่ในใจว่า
“ นี่คือคำตำหนิ ไม่ใช่คำชมเป็นแน่ ” แต่ก็เป็นการเตือนสติที่เป็นเรื่องจริง ครูใหญ่ในสมัยนั้นก็มีมนต์เสน่ห์ไปอีกแบบนะ เป็นทั้งครูใหญ่ครูน้อย ภารโรงเสร็จสรรพ
ข้าพเจ้าเป็นครูใหญ่โรงเรียนประถมศึกษาต้องสอนประจำชั้น ทำงานเหมือนครูน้อยทุกประการ ทั้งสอน ทั้งครูประจำชั้น ต้องรู้ลึก รู้รอบ รู้จริง ว่ากันตั้งแต่หลักสูตรต้องรู้แจ้งแทงตลอด ตั้งแต่การจัดกระบวนการเรียนการสอน จิตวิทยาพัฒนาการ จิตวิทยาการเรียนรู้ จิตวิทยาการสอน จิตวิทยาสังคม ปรัชญาการศึกษา รวมถึงศาสตร์อื่น ๆ ที่ต้องนำมาใช้ในโรงเรียนซึ่งต้องนำมาหลอมรวมเพื่อวิเคราะห์ สังเคราะห์สาระสำคัญ เพื่อค้นหาจุดร่วมและจุดต่าง “ เพื่อสร้างตัวร่วมใหม่ ” ตัวร่วมของคนดี คนเก่ง คนมีความสุขคืออะไร ?
ในที่สุดก็ค้นพบรหัสลับพันธุกรรมทางการศึกษา และคำว่า “ คุณค่า ” คือ ตัวร่วมหรือพันธุกรรมทางการศึกษา ซึ่งข้อค้นพบนี้ได้ผ่านการทดลอง และสังเกตจากภาคสนามจริง นั่นก็คือ “ โรงเรียน ” ตั้งแต่เข้ารับราชการครูวันแรก ข้าพเจ้าได้ปณิธานไว้ว่า “ จะอุทิศตนเพื่อการศึกษา เพื่อลูกศิษย์ และสังคม ”
จึงไม่น่าแปลกใจอะไรมากนักที่ข้าพเจ้าจะมองเห็นและยินดีกับความจริง ความงาม และความดีได้ดีกว่า เพราะสายตาไม่พล่ามัว คำว่า “ คุณค่า ” คือ ผลึกของความคิดที่ต้องประจุลงในพฤติกรรมของลูกศิษย์ทุกคน ซึ่งจะเป็นหนทางที่รอดพ้นจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง และจะประสบแต่ความสุขความเจริญแบบไม่รู้จบ “ ถ่านกับทอง ” “ ทองราคาสูงกว่าถ่าน แต่ถ่านมีคุณค่ามากกว่าทอง ” เพราะถ่านนำไปหุงต้มอาหารได้จริง แต่ทองไม่สามารถนำไปหุงต้มแทนถ่านได้ อุปมาเหมือน “ภรรยาของเรา แม้ว่าจะไม่มีราคา แต่ก็มีคุณค่าสำหรับครอบครัว ” คุณค่าเปรียบเสมือนเข็มทิศที่ช่วยให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างปกติสุข ดังคำที่กล่าวว่า “ สว่าง สะอาด สงบ สยบทุกอย่าง ” ถ้าทุกคนเข้าใจในคำว่าคุณค่าที่ปรากฏตัวตนจริงในธรรมชาติและสังคมได้ถูกต้อง ก็จะมีอิสรภาพที่ยิ่งใหญ่ ดังเช่น “ อิสรภาพตำแหน่งครูใหญ่ ” ของข้าพเจ้าจึงไม่สั่นคลอน และสั่นไหวตามกระแสสังคม แต่ในที่สุดแล้วความดีที่สะสมมาก็บังเกิดอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่ เกิดความคาดฝันในชีวิต ดังคำสอนของสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )
“ บุญเราไม่เคยสร้าง…ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า…” “ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือ บารมีของตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สิน ในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว…เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว…แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้…แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง ”
“ จงจำไว้นะ… เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้…ครั้นถึงเวลา…ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่...จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลยจะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า ” นี่คือคำเทศนาของเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์
( โต ) พรหมรังสี ที่ได้โปรดชี้ธรรมไว้
ที่มาจากหนังสือ ผลึกชีวิต..กษิณานุสรณ์ ผู้อำนวยการวิเชียร เกตุทอง หน้า 20-22
บทความฉบับนี้ยังไม่สมบูรณ์ ผู้อ่านท่านใดมีข้อสงสัย ยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
Facebook : วิเชียร เกตุทอง
E-mail : Wichian_k1@hotmail.com
โทรศัพท์ : ๐๘๗ – ๘๔๔๓๐๐๗