หัวอก"ครูผู้น้อย" ติดกับดัก "ฟุตซอล"
หัวอก"ครูผู้น้อย" ติดกับดัก "ฟุตซอล"
เรื่องราวของการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนจำนวน 358 แห่ง ในพื้นที่ 17 จังหวัด ในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ภายใต้สังกัดของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) วงเงิน 689 ล้านบาท กำลังจะเป็นมหากาพย์ฉบับใหญ่ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มุ่งมั่นและมีนโยบายชัดเจนถึงการปราบทุจริตคอร์รัปชั่น
สำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ภายใต้หัวขบวนของ ประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการ ป.ป.ท. เข้าผนึกกำลังกับ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อร่วมกันค้นหาความจริงในเรื่องนี้ให้กระจ่าง
ต่างฝ่ายแยกการทำ งานในอำนาจหน้าที่ของตนเอง โจทย์ใหญ่เรื่องนี้มีความชัดเจนแล้วว่า มีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น มีการใช้งบประมาณผิดวิธี พื้นสนามยางไม่มีคุณภาพ การก่อสร้างบางอย่างที่มีเจตนาชัดว่าทำแบบไร้มาตรฐาน
งานนี้ มีทั้งผู้ทำผิดสัญญา และผู้เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ ข้าราชการและฝ่ายเอกชนที่ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ดังนั้น ขบวนการปราบโกงจึงต้องสาวเข้าหากลุ่มผู้เกี่ยวข้อง ตั้งแต่การจัดซื้อจัดจ้างโยงถึงใครบ้าง กลุ่มบริษัทห้างร้านที่เข้ามาร่วมประมูลเพื่อรับงานไป ทั้งกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลัง กลุ่มของกรรมการที่ทำการตรวจสอบเซ็น
รับ งาน ป.ป.ท.ได้ส่องแว่นขยายไปพื้นที่ จ.นครราชสีมา พบว่ามี 54 โรงเรียน ที่เจ้าหน้าที่รัฐซึ่งจำแนกกลุ่มครูที่เข้ามาทำหน้าที่ต่างๆ เข้ามาพัวพันทั้งเจตนาและอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นคณะกรรมการกำหนดทีโออาร์ กำหนดราคากลาง อี-ออคชั่น และตรวจรับงาน รวมทั้งหมด 727 คน ที่ ป.ป.ท.กำหนดส่งให้ สพฐ.ในฐานะผู้บังคับบัญชา ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
นางอาภรณ์ อินธุโสภณ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนบ้านดอนผวา อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา เป็นหนึ่งในคณะกรรมการเซ็นรับการก่อสร้างสนามฟุตซอล วงเงิน 5 ล้านบาท ที่ก่อสร้างกันมาตั้งแต่ปี 2555 ได้ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า พอรู้ว่ามีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัย และตนก็ตกเป็นหนึ่งในผู้ที่เกี่ยวข้อง บอกตรงๆ ว่ารู้สึกเสียใจมาก ที่ต้องถูกตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัย
"ดิฉันทำตามหน้าที่ของครูที่ดูแลเรื่องพัสดุ ยอมรับว่าก็มีส่วนผิดที่ไม่มีความรู้เรื่องของสเปกวัสดุต่างๆ ที่ใช้ในการก่อสร้าง และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้มา เลยไม่รู้มาก่อนว่าของที่ได้มามีคุณภาพต่ำกว่าที่กำหนด ดิฉันมีหน้าที่หลักคือการสอนหนังสือ ทำให้มีเพียงหน้าที่ตรวจสอบโครงการนี้ว่ามีการดำเนินการที่ครบถ้วนหรือไม่ และได้ก่อสร้างตามขนาดที่กำหนดไว้หรือไม่ เมื่อเห็นว่าครบถ้วน ทั้งดิฉันและคณะครูที่เป็นกรรมการในการตรวจรับของก็ดำเนินการเซ็นรับตามขั้น ตอนทุกอย่าง"
นางอาภรณ์กล่าวอีกว่า อยากจะวิงวอนหน่วยงานเบื้องบนให้เห็นใจ ครูผู้น้อยที่ไม่มีความรู้ในเรื่องของการตรวจสเปกวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เพราะมีความตั้งใจอยากให้ลูกศิษย์ได้มีสนามฟุตซอลเหมือนกับโรงเรียนในเมือง ที่มีกัน
ขณะที่ นายอำนวย ขอสวยกลาง ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนบ้านขามเฒ่า อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา กล่าวด้วยความรู้สึกเศร้าเช่นกันว่า ตนก็เป็นคณะกรรมการการเซ็นรับงานก่อสร้างสนามฟุตซอล การที่ สพฐ.มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย คิดว่าไม่ยุติธรรมกับครูชั้นผู้น้อย คณะครูที่เซ็นรับงานทุกคนล้วนอยากให้ลูกศิษย์และชุมชนได้ใช้สนามฟุตซอล
"ในส่วนการทุจริตนั้น คิดว่าคณะครูทั้งหมดไม่มีใครรู้แต่ต้นหรอกว่าโครงการนี้มีการจัดงบประมาณมา เพื่อทุจริต มีทั้งครูและเด็กนักเรียนเป็นตัวประกัน และกลายเป็นแพะรับบาปจากการทุจริตของคนอื่นๆ ทุกวันนี้ครูทุกคนก็มีความรู้ในเรื่องที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หากจะให้ครูมาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบสเปกวัสดุการก่อสร้างคงเป็นไปไม่ ได้ อยากจะให้ผู้ใหญ่ที่อยู่เบื้องบนโปรดให้ความเห็นใจและสงสารครูชั้นผู้น้อย ด้วย"
นายอำนวยกล่าวอีกว่า ทุกวันนี้ไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัวเลย แต่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก หากครูที่เป็นคณะกรรมการไม่เซ็นรับงาน เด็กนักเรียนก็จะไม่มีสนามฟุตบอลได้เตะเล่นกัน
"หากย้อนเวลาได้ ผมก็จะไม่ขอเข้าไปมีส่วนร่วมกับโครงการนี้อย่างเด็ดขาด" นายอำนวยกล่าวอย่างเซ็งๆ
ขณะที่ นายนิมิตร มากกลาง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านมาบมะค่า อ.เมือง จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ตนในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียน
เมื่อ ทราบว่ามีโครงการดังกล่าว ก็ดำเนินการสอบถามคณะครูทั้งโรงเรียน อีกทั้งประชุมคณะกรรมการโรงเรียนที่มีผู้ปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และศิษย์เก่า เพื่อปรึกษาถึงโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอล จำนวน 2.5 ล้านบาท จากการประชุมได้มีมติต้องการสนามฟุตซอล ตนจึงดำเนินการตามขั้นตอนและตามระเบียบที่ทางหน่วยเหนือกำหนดมาทุกประการ
"กระทั่ง เมื่อเรื่องแดงขึ้นว่าเป็นโครงการที่ทุจริต และยังถูกสอบสวนทางวินัย ผมเองก็รู้สึกน้อยใจเพราะโครงการที่เกิดขึ้นผ่านการหารือทุกภาคส่วนและ ปฏิบัติตามขั้นตอนทุกกระบวนการ ไม่มีบิดพลิ้วใดๆ โดยเฉพาะครูที่เป็นคณะกรรมการในการเซ็นรับงานนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเลย"
นายนิมิตรกล่าวอีกว่า แสดงให้เห็นว่าโครงการนี้ต้องการที่จะให้ครูเป็นผู้ที่ได้รับผลกรรมจากการ ทุจริตของคนอื่น หากเป็นไปได้ต้องการให้หน่วยเหนือได้เล็งเห็นเจตนารมณ์ของคณะครูที่ต้องการ จะนำสิ่งของให้ลูกศิษย์ได้มีเหมือนคนอื่นเขาบ้าง โดยไม่มีผลประโยชน์ใดๆ แอบแฝง
เป็นตัวอย่างหนึ่งของครูที่สะท้อนความรู้สึกออกมาให้เห็น ว่าหากการกระทำการใดๆ ที่คิดดี คิดชอบเพื่อลูกศิษย์ แต่กลับต้องเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว ครูเองก็ไม่มีอะไรที่จะมาปกป้องตัวเองได้
คงต้องยิงคำถามไปยัง นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการ สพฐ. แล้วว่าจะมีวิธีการอย่างไรในการคัดแยกครูหรือผู้เกี่ยวข้องกว่า 700 คน
เพราะในวันข้างหน้าครูอาจต้องทำหน้าที่สอนหนังสืออย่างเดียว ไม่มีใครอยากตกอยู่ในกับดักอย่างนี้
ที่มามาของข่าว : หนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ วันที่ 22 ตุลาคม 2557
เรื่องราวของการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนจำนวน 358 แห่ง ในพื้นที่ 17 จังหวัด ในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ภายใต้สังกัดของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) วงเงิน 689 ล้านบาท กำลังจะเป็นมหากาพย์ฉบับใหญ่ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มุ่งมั่นและมีนโยบายชัดเจนถึงการปราบทุจริตคอร์รัปชั่น
สำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ภายใต้หัวขบวนของ ประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการ ป.ป.ท. เข้าผนึกกำลังกับ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อร่วมกันค้นหาความจริงในเรื่องนี้ให้กระจ่าง
ต่างฝ่ายแยกการทำ งานในอำนาจหน้าที่ของตนเอง โจทย์ใหญ่เรื่องนี้มีความชัดเจนแล้วว่า มีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น มีการใช้งบประมาณผิดวิธี พื้นสนามยางไม่มีคุณภาพ การก่อสร้างบางอย่างที่มีเจตนาชัดว่าทำแบบไร้มาตรฐาน
งานนี้ มีทั้งผู้ทำผิดสัญญา และผู้เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ ข้าราชการและฝ่ายเอกชนที่ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ดังนั้น ขบวนการปราบโกงจึงต้องสาวเข้าหากลุ่มผู้เกี่ยวข้อง ตั้งแต่การจัดซื้อจัดจ้างโยงถึงใครบ้าง กลุ่มบริษัทห้างร้านที่เข้ามาร่วมประมูลเพื่อรับงานไป ทั้งกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลัง กลุ่มของกรรมการที่ทำการตรวจสอบเซ็น
รับ งาน ป.ป.ท.ได้ส่องแว่นขยายไปพื้นที่ จ.นครราชสีมา พบว่ามี 54 โรงเรียน ที่เจ้าหน้าที่รัฐซึ่งจำแนกกลุ่มครูที่เข้ามาทำหน้าที่ต่างๆ เข้ามาพัวพันทั้งเจตนาและอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นคณะกรรมการกำหนดทีโออาร์ กำหนดราคากลาง อี-ออคชั่น และตรวจรับงาน รวมทั้งหมด 727 คน ที่ ป.ป.ท.กำหนดส่งให้ สพฐ.ในฐานะผู้บังคับบัญชา ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
นางอาภรณ์ อินธุโสภณ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนบ้านดอนผวา อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา เป็นหนึ่งในคณะกรรมการเซ็นรับการก่อสร้างสนามฟุตซอล วงเงิน 5 ล้านบาท ที่ก่อสร้างกันมาตั้งแต่ปี 2555 ได้ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า พอรู้ว่ามีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัย และตนก็ตกเป็นหนึ่งในผู้ที่เกี่ยวข้อง บอกตรงๆ ว่ารู้สึกเสียใจมาก ที่ต้องถูกตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัย
"ดิฉันทำตามหน้าที่ของครูที่ดูแลเรื่องพัสดุ ยอมรับว่าก็มีส่วนผิดที่ไม่มีความรู้เรื่องของสเปกวัสดุต่างๆ ที่ใช้ในการก่อสร้าง และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้มา เลยไม่รู้มาก่อนว่าของที่ได้มามีคุณภาพต่ำกว่าที่กำหนด ดิฉันมีหน้าที่หลักคือการสอนหนังสือ ทำให้มีเพียงหน้าที่ตรวจสอบโครงการนี้ว่ามีการดำเนินการที่ครบถ้วนหรือไม่ และได้ก่อสร้างตามขนาดที่กำหนดไว้หรือไม่ เมื่อเห็นว่าครบถ้วน ทั้งดิฉันและคณะครูที่เป็นกรรมการในการตรวจรับของก็ดำเนินการเซ็นรับตามขั้น ตอนทุกอย่าง"
นางอาภรณ์กล่าวอีกว่า อยากจะวิงวอนหน่วยงานเบื้องบนให้เห็นใจ ครูผู้น้อยที่ไม่มีความรู้ในเรื่องของการตรวจสเปกวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เพราะมีความตั้งใจอยากให้ลูกศิษย์ได้มีสนามฟุตซอลเหมือนกับโรงเรียนในเมือง ที่มีกัน
ขณะที่ นายอำนวย ขอสวยกลาง ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนบ้านขามเฒ่า อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา กล่าวด้วยความรู้สึกเศร้าเช่นกันว่า ตนก็เป็นคณะกรรมการการเซ็นรับงานก่อสร้างสนามฟุตซอล การที่ สพฐ.มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย คิดว่าไม่ยุติธรรมกับครูชั้นผู้น้อย คณะครูที่เซ็นรับงานทุกคนล้วนอยากให้ลูกศิษย์และชุมชนได้ใช้สนามฟุตซอล
"ในส่วนการทุจริตนั้น คิดว่าคณะครูทั้งหมดไม่มีใครรู้แต่ต้นหรอกว่าโครงการนี้มีการจัดงบประมาณมา เพื่อทุจริต มีทั้งครูและเด็กนักเรียนเป็นตัวประกัน และกลายเป็นแพะรับบาปจากการทุจริตของคนอื่นๆ ทุกวันนี้ครูทุกคนก็มีความรู้ในเรื่องที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หากจะให้ครูมาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบสเปกวัสดุการก่อสร้างคงเป็นไปไม่ ได้ อยากจะให้ผู้ใหญ่ที่อยู่เบื้องบนโปรดให้ความเห็นใจและสงสารครูชั้นผู้น้อย ด้วย"
นายอำนวยกล่าวอีกว่า ทุกวันนี้ไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัวเลย แต่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก หากครูที่เป็นคณะกรรมการไม่เซ็นรับงาน เด็กนักเรียนก็จะไม่มีสนามฟุตบอลได้เตะเล่นกัน
"หากย้อนเวลาได้ ผมก็จะไม่ขอเข้าไปมีส่วนร่วมกับโครงการนี้อย่างเด็ดขาด" นายอำนวยกล่าวอย่างเซ็งๆ
ขณะที่ นายนิมิตร มากกลาง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านมาบมะค่า อ.เมือง จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ตนในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียน
เมื่อ ทราบว่ามีโครงการดังกล่าว ก็ดำเนินการสอบถามคณะครูทั้งโรงเรียน อีกทั้งประชุมคณะกรรมการโรงเรียนที่มีผู้ปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และศิษย์เก่า เพื่อปรึกษาถึงโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอล จำนวน 2.5 ล้านบาท จากการประชุมได้มีมติต้องการสนามฟุตซอล ตนจึงดำเนินการตามขั้นตอนและตามระเบียบที่ทางหน่วยเหนือกำหนดมาทุกประการ
"กระทั่ง เมื่อเรื่องแดงขึ้นว่าเป็นโครงการที่ทุจริต และยังถูกสอบสวนทางวินัย ผมเองก็รู้สึกน้อยใจเพราะโครงการที่เกิดขึ้นผ่านการหารือทุกภาคส่วนและ ปฏิบัติตามขั้นตอนทุกกระบวนการ ไม่มีบิดพลิ้วใดๆ โดยเฉพาะครูที่เป็นคณะกรรมการในการเซ็นรับงานนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเลย"
นายนิมิตรกล่าวอีกว่า แสดงให้เห็นว่าโครงการนี้ต้องการที่จะให้ครูเป็นผู้ที่ได้รับผลกรรมจากการ ทุจริตของคนอื่น หากเป็นไปได้ต้องการให้หน่วยเหนือได้เล็งเห็นเจตนารมณ์ของคณะครูที่ต้องการ จะนำสิ่งของให้ลูกศิษย์ได้มีเหมือนคนอื่นเขาบ้าง โดยไม่มีผลประโยชน์ใดๆ แอบแฝง
เป็นตัวอย่างหนึ่งของครูที่สะท้อนความรู้สึกออกมาให้เห็น ว่าหากการกระทำการใดๆ ที่คิดดี คิดชอบเพื่อลูกศิษย์ แต่กลับต้องเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว ครูเองก็ไม่มีอะไรที่จะมาปกป้องตัวเองได้
คงต้องยิงคำถามไปยัง นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการ สพฐ. แล้วว่าจะมีวิธีการอย่างไรในการคัดแยกครูหรือผู้เกี่ยวข้องกว่า 700 คน
เพราะในวันข้างหน้าครูอาจต้องทำหน้าที่สอนหนังสืออย่างเดียว ไม่มีใครอยากตกอยู่ในกับดักอย่างนี้
ที่มามาของข่าว : หนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ วันที่ 22 ตุลาคม 2557
