คู่มือ เตรียมสอบ เจ้าหน้าที่ธุรการ กรมศุลกากร
หนังสือเตรียมสอบคุณภาพดี จาก สถาบัน sheetbook รวมทีมงานติวเตอร์มืออาชีพจากหลายหน่วยงาน
ตรงทุกประเดนสอบ ต้อง คู่มือสอบ เจ้าหน้าที่ธุรการ กรมศุลกากร ข้อมูลอัพเดทใหม่ล่าสุด เพราะทำเป็น
เล่มต่อเล่ม การบริการรวดเร็วทันใจเชื่อถือได้ มีหน้าเวปไซต์ชัดเจน www.สอบงานราชการวันนี้.com
เเละ www.sheetchulasb.com เเละเป็นเจ้าเเรกๆที่มี หนังสือเเบบ ไฟล์ e-book ขายในประเทศไทย
จำหน่าย หนังสือสอบ เจ้าหน้าที่ธุรการ กรมศุลกากร Update!!!
แนวข้อสอบ จะเผยเคล็ดลับ เตรียมสอบ การ สอบเข้าทำงาน จะไม่เป็น
เรื่องยากอีกต่อไป เก็งข้อสอบ อ่านเข้าใจง่าย
รวมทุกอย่างที่ออกข้อสอบ ตรงทุกประเด็นที่สอบ
– ความรู้เกี่ยวกับกรมศุลกากร
– แนวข้อสอบเกี่ยวกับกรมศุลกากร
– ถาม – ตอบ ความรู้เกี่ยวกับศุลกากร
– แนวข้อสอบภาษาอังกฤษ
– ความรู้เกี่ยวกับจรรยาบรรณ
– แนวข้อสอบ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกฎหมายศุลกากร
– สาระสำคัญพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534
– เทคนิคการสอบสัมภาษณ์
– แนวข้อสอบความรู้การเมือง การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ประชาคมอาเซียน
แนวข้อสอบเฉพาะตำแหน่ง เลือกตามที่สอบ
– เจ้าหน้าที่ธุรการ
– ศุลการักษ์
– เจ้าพนักงานโสตทัศน์ศึกษา
สนใจแนวข้อสอบ คลิก
http://goo.gl/xg8Kjs
สั่งซื้อมาที่/สอบถามมาที่
โทร 085-2094218 (อ.ประจักษ์)
LineID : thethana777
E-mai : thetutor777@gmail.com
ตัวอย่าง แนวข้อสอบ กรมศุลกากร
1. กิจการศุลกากรของไทยเริ่มครั้งแรกในสมัยใด
ก. สมัยสุโขทัย ข. สมัยอยุธยา
ค. สมัยธนบุรี ง. สมัยกรุงรัตนโกสินทร์
คำตอบ ก. กิจการศุลกากรของไทยมีมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลแล้ว ในสมัยสุโขทัยได้อาศัยการค้าขายเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งของรัฐ จึงให้งดเว้นการเก็บภาษีศุลกากร ดังปรากฏหลักฐานในหลักศิลาจารึก
หลัก 1 ความว่า “เมืองสุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว พ่อเมือง บ่ เอา จกอบ ในไพร่ลู่ทาง เพื่อจูงวัวไปค้า ขี่ม้าไปขาย ใครจักใคร่ค้าช้างค้า “คำว่า จกอบ หรือจังกอบ คือภาษีที่เก็บจากสินค้าเข้าออก
2. ในสมัยอยุธยาภาษีศุลกากรนับว่าเป็นรายได้ที่สำคัญอย่างหนึ่ง อัตราที่จัดเก็บในชั้นแรกคืออะไร
ก. สิบชักสี่ ข. สิบชักสาม
ค. สิบชักสอง ง. สิบชักหนึ่ง
คำตอบ ง. สิบชักหนึ่ง คือ สิบชัก
3. พันธกิจกรมศุลกากรคืออะไร
ก. ยกระดับศุลกากรไทยสู่ศุลกากรมาตรฐานโลก ข. สนับสนุนความสามารถในการแข่งขัน
ค. ปกป้องความปลอดภัยของสังคม ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ ง. พันธกิจกรมศุลกากรไทย คือ
1. ยกระดับศุลกากรไทยสู่ศุลกากรมาตรฐานโลก
2. สนับสนุนความสามารถในการแข่งขัน
3. ปกป้องความปลอดภัยของสังคม
4. นายเรือ หมายถึงใคร
ก. บุคคลใดๆ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา หรือควบคุมเรือ
ข. บุคคลซึ่งเป็นเจ้าของเรือ
ค. บุคคลที่ถือท้ายเรือ
ง. ไม่มีข้อถูก
คำตอบ ก. นายเรือหมายถึง บุคคลใดๆซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาหรือควบคุมเรือ
5. ในปี พ.ศ.2369 ได้จัดทำสัญญาเบอร์นี่ขึ้น ให้เก็บภาษีขาเข้า และขาออกจากปากเรือวาละกี่บาท
ก. 1,500 บาท ข. 1,600 บาท
ค. 1,700 บาท ง. 1,800 บาท
คำตอบ ค. 1,700 บาท
6. สัญญาเบอร์นี่จัดทำขึ้นในสมัยรัชกาลใด
ก. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ข. พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ค. พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ง. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
คำตอบ ค. พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
7. ในการทำสัญญาเบาว์ริ่งกำหนดให้มีการเก็บภาษีสินค้าขาเข้าในอัตราร้อยชักสามเกิดขึ้นในสมัย
รัชกาลใด
ก. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ข. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ค. พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ง. พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
คำตอบ ก. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งในปี พ.ศ. 2398 ได้ให้มีการสร้างสัญญาเบาว์ริ่ง กำหนดให้เก็บภาษีสินค้าขาเข้าในอัตราร้อยชักสาม ส่วนสินค้าขาออกให้เก็บตามระบุในท้ายสัญญาเป็นชนิดไป
8. ตราพระราชบัญญัติศุลกากรฉบับแรก เกิดขึ้นเมื่อใด
ก. 13 สิงหาคม พ.ศ. 2469 ข. 13 กันยายน พ.ศ. 2469
ค. 13 กันยายน พ.ศ. 2469 ง. 13 ตุลาคม พ.ศ. 2469
คำตอบ ก. 13 สิงหาคม 2469 ในปี พ.ศ. 2452 พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพร้อมพงษ์อธิราช
อธิบดีกรมศุลกากร และ มร.วิลเลี่ยม นันท์ ที่ปรึกษาได้จัดร่างกฎหมายวางระเบียบพิธีศุลกากร
โดยอาศัยหลักกฎหมายของอังกฤษเป็นแม่แบบ แล้วส่งร่างดังกล่าวให้นานาประเทศพิจารณา
ขอรับความเห็นชอบ ซึ่งใช้ระยะเวลาเพื่อการนี้ถึง 14 ปี จึงสามารถตราพระราชบัญญัติศุลกากร
ฉบับแรกขึ้นได้
9. พิกัดอัตราศุลกากร ได้ออกกฎหมายฉบับแรกขึ้นเมื่อใด
ก. 26 มีนาคม 2469 ข. 26 เมษายน 2469
ค. 26 มิถุนายน 2469 ง. 26 สิงหาคม 2469
คำตอบ ก. 26 มีนาคม 2469
10. สถานที่ทำการศุลกากร โรงภาษีแห่งแรกตั้งอยู่ที่ใดและมีลักษณะเช่นใด
ก. ตั้งอยู่ปากคลองตลาด เรือนปั้นหยา ข. ปากคลองผดุงกรุงเกษม เรือนปั้นหยา
ค. ปากคลองมหานาค เรือนทรงไทย ง. ปากคลองภาษีเจริญ เรือนทรงไทย
คำตอบ ข. ปากคลองผดุงกรุงเกษม มีลักษณะเป็นเรือนปั้นหยาชั้นเดียว หันหน้าลงแม่น้ำ