การพัฒนาความสามารถทางการฟังและการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารฯ
ชื่อเรื่อง การพัฒนาความสามารถทางการฟังและการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้เกมการศึกษา
ผู้วิจัย นางสาวปองทิพย์ ศิริวัฒน์
ปีการศึกษา 2564
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาและเปรียบเทียบความสามารถทางการฟังและการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของนักเรียนขั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนโดยใช้เกมก่อนเรียนและหลังเรียน 2) ศึกษาเจตคติของนักเรียนที่มีต่อการสอนโดยใช้เกมการศึกษา กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนโรงเรียนเทศบาล 1 หนองตมศึกษา (จิ้นตง) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 26 คน เลือกโดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Selection)เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 10 แผนแบบวัดความสามารถทางการฟังภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร แบบวัดความสามารถทางการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร และแบบวัดเจตคติต่อการสอนโดยใช้เกมการศึกษา การดำเนินการทดลองใช้เป็นเวลา 5 สัปดาห์ จำนวนแผนการจัดการเรียนรู 10 แผนๆละ 2 ชั่วโมง จำนวน 20 ชั่วโมง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที่แบบไม่อิสระ
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. ผลการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้เกมการศึกษา มีความสามารถทางการฟังและการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยผลการเรียนก่อนเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเป็นร้อยละ 29.33 และ 3.58 ผลการเรียนหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 61.33และ 64.00 ตามลำตับ เมื่อทดสอบความแตกต่างของคำเฉลี่ย พบว่าความสามารถด้านการฟังและการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้เกมหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
2. เจตคติต่อการสอนโดยใช้เกมของนักเรียนที่เรียนโดยใช้เกมเพื่อพัฒนาความสามารถทางการฟังและการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ต่อเกมอยู่ในระดับดี โดยมีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.56 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.57
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้เกมการศึกษา
ผู้วิจัย นางสาวปองทิพย์ ศิริวัฒน์
ปีการศึกษา 2564
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาและเปรียบเทียบความสามารถทางการฟังและการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของนักเรียนขั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนโดยใช้เกมก่อนเรียนและหลังเรียน 2) ศึกษาเจตคติของนักเรียนที่มีต่อการสอนโดยใช้เกมการศึกษา กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนโรงเรียนเทศบาล 1 หนองตมศึกษา (จิ้นตง) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 26 คน เลือกโดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Selection)เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 10 แผนแบบวัดความสามารถทางการฟังภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร แบบวัดความสามารถทางการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร และแบบวัดเจตคติต่อการสอนโดยใช้เกมการศึกษา การดำเนินการทดลองใช้เป็นเวลา 5 สัปดาห์ จำนวนแผนการจัดการเรียนรู 10 แผนๆละ 2 ชั่วโมง จำนวน 20 ชั่วโมง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที่แบบไม่อิสระ
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. ผลการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้เกมการศึกษา มีความสามารถทางการฟังและการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยผลการเรียนก่อนเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเป็นร้อยละ 29.33 และ 3.58 ผลการเรียนหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 61.33และ 64.00 ตามลำตับ เมื่อทดสอบความแตกต่างของคำเฉลี่ย พบว่าความสามารถด้านการฟังและการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้เกมหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
2. เจตคติต่อการสอนโดยใช้เกมของนักเรียนที่เรียนโดยใช้เกมเพื่อพัฒนาความสามารถทางการฟังและการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ต่อเกมอยู่ในระดับดี โดยมีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.56 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.57