การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 5E ครูประไพพิศ
ชื่อเรื่อง การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) ร่วมกับแบบฝึก
ทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่องโมเมนตัมและการชน สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
โรงเรียนโคกสะอาดวิทยาคม จังหวัดศรีสะเกษ
ผู้ศึกษา ประไพพิศ เติมจิตร
ปีการศึกษา 2564
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ
สืบเสาะหาความรู้ (5Es) ร่วมกับแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่องโมเมนตัมและการชน
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนโคกสะอาดวิทยาคม จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นไปตามเกณฑ์
80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) โดยใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่องโมเมนตัมและ การชน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนโคกสะอาดวิทยาคม จังหวัดศรีสะเกษ และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อ
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) ร่วมกับแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์
เรื่องโมเมนตัมและการชน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนโคกสะอาดวิทยาคม จังหวัดศรีสะเกษ
ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) ตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองคือ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนโคกสะอาดวิทยาคม จังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
จำนวน 30 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 5 แผน 2) แบบฝึกทักษะจำนวน 5 เล่ม
3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้จำนวน 30 ข้อ และ 4) แบบวัดความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) ร่วมกับแบบฝึกทักษะ การแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่องโมเมนตัมและการชน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนโคกสะอาดวิทยาคม จังหวัด ศรีสะเกษ สถิติที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย สถิติสำหรับหาคุณภาพเครื่องมือ ได้แก่ ค่าความ ยากง่ายของแบบทดสอบ ค่าอำนาจจำแนกของแบบทดสอบ ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบโดยใช้สูตรโลเวท การหาสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที (t-test Dependent) และสถิติทดสอบวิลค้อกชัน (Wilcoxon Test)
ผลการวิจัยพบว่า 1) ประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es)
ร่วมกับแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่องโมเมนตัมและการชน สำหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนโคกสะอาดวิทยาคม จังหวัดศรีสะเกษ ตามเกณฑ์ประสิทธิภาพ 80/80
พบว่ากิจกรรมการเรียนรู้ทั้ง 5 กิจกรรม มีค่าประสิทธิภาพกระบวนการ (E1) เท่ากับ 82.17
ทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่องโมเมนตัมและการชน สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
โรงเรียนโคกสะอาดวิทยาคม จังหวัดศรีสะเกษ
ผู้ศึกษา ประไพพิศ เติมจิตร
ปีการศึกษา 2564
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ
สืบเสาะหาความรู้ (5Es) ร่วมกับแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่องโมเมนตัมและการชน
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนโคกสะอาดวิทยาคม จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นไปตามเกณฑ์
80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) โดยใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่องโมเมนตัมและ การชน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนโคกสะอาดวิทยาคม จังหวัดศรีสะเกษ และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อ
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) ร่วมกับแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์
เรื่องโมเมนตัมและการชน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนโคกสะอาดวิทยาคม จังหวัดศรีสะเกษ
ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) ตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองคือ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนโคกสะอาดวิทยาคม จังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
จำนวน 30 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 5 แผน 2) แบบฝึกทักษะจำนวน 5 เล่ม
3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้จำนวน 30 ข้อ และ 4) แบบวัดความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) ร่วมกับแบบฝึกทักษะ การแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่องโมเมนตัมและการชน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนโคกสะอาดวิทยาคม จังหวัด ศรีสะเกษ สถิติที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย สถิติสำหรับหาคุณภาพเครื่องมือ ได้แก่ ค่าความ ยากง่ายของแบบทดสอบ ค่าอำนาจจำแนกของแบบทดสอบ ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบโดยใช้สูตรโลเวท การหาสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที (t-test Dependent) และสถิติทดสอบวิลค้อกชัน (Wilcoxon Test)
ผลการวิจัยพบว่า 1) ประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es)
ร่วมกับแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ เรื่องโมเมนตัมและการชน สำหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนโคกสะอาดวิทยาคม จังหวัดศรีสะเกษ ตามเกณฑ์ประสิทธิภาพ 80/80
พบว่ากิจกรรมการเรียนรู้ทั้ง 5 กิจกรรม มีค่าประสิทธิภาพกระบวนการ (E1) เท่ากับ 82.17