การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพือ
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ
โดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นางสาวิตรี ซื่อตรง
หน่วยงาน โรงเรียนเทศบาล 2 หนองบัว สังกัดเทศบาลนครอุบลราชธานี
ปีที่พิมพ์ 2564
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับปัญหาและความต้องการจำเป็นในการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 4) เพื่อประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการวิจัยครั้งนี้ได้ทดลองใช้รูปแบบกับกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนเทศบาล 2 หนองบัว จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 30 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสอบถามข้อมูลพื้นฐานเพื่อการจัดการเรียนรู้ 2) แบบสัมภาษณ์ครูผู้สอนเพื่อรวบรวมแนวคิดในการจัดกิจกรรมรูปแบบการสอน 3) รูปแบบกิจกรรมการสอน “5 Steps Model” 4) แผนการจัดการเรียนรู้รูปแบบการสอน “5 Steps Model” 5) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนและเกณฑ์ประเมินผลงาน และ 6) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการสอน “5 Steps Model” การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ ค่า t-test แบบ Dependent Samples และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1) ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน พบว่า นักเรียนต้องการที่จะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ด้านการอ่านมากที่สุด ในขณะที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษด้านการพูดน้อยที่สุด นักเรียนชอบรูปแบบในการสอนวิธีการสอนอ่านเพื่อความเข้าใจมากที่สุด สำหรับวิธีสอนแบบโครงงานมีค่าร้อยละน้อยที่สุด นักเรียนต้องการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะเกี่ยวกับประเพณี เทศกาลมากที่สุด และต้องการเรียนด้วยตำราเรียนเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน การเขียนบรรยายลักษณะบุคคลน้อยที่สุด และจากการสัมภาษณ์ครูผู้มีประสบการณ์ ในด้านการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ พบว่า ว่านักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 มีปัญหาการเรียนวิชาภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ คือ ทักษะการฟัง ทักษะการพูด ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน โดยเฉพาะทักษะการอ่านค่อนข้างจะมีปัญหาสูง โดยนักเรียนบางคนขาดความรู้ความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษ ทำให้เกิดความท้อแท้และเบื่อหน่ายในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ รวมถึงตัวนักเรียนขาดความขยันหมั่นเพียรในการท่องคำศัพท์การเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจผู้เรียนจะต้องทำงานตามขั้นตอนโดยไม่เปิดดูเฉลยก่อน เป็นการฝึกความซื่อสัตย์ในตัวผู้เรียน เป็นการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพและศักยภาพสูงขึ้น
2) ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้รูปแบบกิจกรรมที่พัฒนาขึ้นมา โดยรูปแบบมีองค์ประกอบ คือ หลักการ วัตถุประสงค์ เนื้อหา กระบวนการกิจกรรม สิ่งที่เสริมการเรียนรู้ได้แก่ ระบบสังคม หลักการตอบสนองและสิ่งสนับสนุน สำหรับกระบวนการจัดกิจกรรมรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีขั้นตอนดังนี้ Step 1 ขั้นถามเตรียมพร้อมก่อนการอ่าน (Warm up Questions) Step 2 ขั้นเข้าใจคำศัพท์ (Meaning of Vocabularies) Step 3 ขั้นอ่านเนื้อเรื่อง (Reading the text) Step 4 ขั้นฝึกปฏิบัติกิจกรรม (Practice the text) และ Step 5 ขั้นการประเมินและสรุปผล (Evaluation and Summarize) ผลการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน มีความคิดเห็นต่อรูปแบบการสอนโดยรวมอยู่ในระดับเหมาะสมมาก ( = 4.04, S.D. = 0.24) และผลการพัฒนารูปแบบการสอนมีประสิทธิภาพ E1/E2 = 77.17/76.50
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า นักเรียนมีความสนใจ และกระตือรือร้นในการเรียน ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติกิจกรรมเป็นอย่างดี นำเสนอผลงานเป็นที่น่าพอใจและรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ผลการประเมินและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมอยู่ในระดับมาก และจากการปรับปรุงรูปแบบการสอน “5 Steps Model” ตามข้อคิดเห็นของนักเรียน เพื่อนครู และข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ ทำให้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความสมบูรณ์และนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นางสาวิตรี ซื่อตรง
หน่วยงาน โรงเรียนเทศบาล 2 หนองบัว สังกัดเทศบาลนครอุบลราชธานี
ปีที่พิมพ์ 2564
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับปัญหาและความต้องการจำเป็นในการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 4) เพื่อประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการวิจัยครั้งนี้ได้ทดลองใช้รูปแบบกับกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนเทศบาล 2 หนองบัว จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 30 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสอบถามข้อมูลพื้นฐานเพื่อการจัดการเรียนรู้ 2) แบบสัมภาษณ์ครูผู้สอนเพื่อรวบรวมแนวคิดในการจัดกิจกรรมรูปแบบการสอน 3) รูปแบบกิจกรรมการสอน “5 Steps Model” 4) แผนการจัดการเรียนรู้รูปแบบการสอน “5 Steps Model” 5) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนและเกณฑ์ประเมินผลงาน และ 6) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการสอน “5 Steps Model” การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ ค่า t-test แบบ Dependent Samples และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1) ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน พบว่า นักเรียนต้องการที่จะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ด้านการอ่านมากที่สุด ในขณะที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษด้านการพูดน้อยที่สุด นักเรียนชอบรูปแบบในการสอนวิธีการสอนอ่านเพื่อความเข้าใจมากที่สุด สำหรับวิธีสอนแบบโครงงานมีค่าร้อยละน้อยที่สุด นักเรียนต้องการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะเกี่ยวกับประเพณี เทศกาลมากที่สุด และต้องการเรียนด้วยตำราเรียนเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน การเขียนบรรยายลักษณะบุคคลน้อยที่สุด และจากการสัมภาษณ์ครูผู้มีประสบการณ์ ในด้านการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ พบว่า ว่านักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 มีปัญหาการเรียนวิชาภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ คือ ทักษะการฟัง ทักษะการพูด ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน โดยเฉพาะทักษะการอ่านค่อนข้างจะมีปัญหาสูง โดยนักเรียนบางคนขาดความรู้ความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษ ทำให้เกิดความท้อแท้และเบื่อหน่ายในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ รวมถึงตัวนักเรียนขาดความขยันหมั่นเพียรในการท่องคำศัพท์การเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจผู้เรียนจะต้องทำงานตามขั้นตอนโดยไม่เปิดดูเฉลยก่อน เป็นการฝึกความซื่อสัตย์ในตัวผู้เรียน เป็นการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพและศักยภาพสูงขึ้น
2) ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้รูปแบบกิจกรรมที่พัฒนาขึ้นมา โดยรูปแบบมีองค์ประกอบ คือ หลักการ วัตถุประสงค์ เนื้อหา กระบวนการกิจกรรม สิ่งที่เสริมการเรียนรู้ได้แก่ ระบบสังคม หลักการตอบสนองและสิ่งสนับสนุน สำหรับกระบวนการจัดกิจกรรมรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีขั้นตอนดังนี้ Step 1 ขั้นถามเตรียมพร้อมก่อนการอ่าน (Warm up Questions) Step 2 ขั้นเข้าใจคำศัพท์ (Meaning of Vocabularies) Step 3 ขั้นอ่านเนื้อเรื่อง (Reading the text) Step 4 ขั้นฝึกปฏิบัติกิจกรรม (Practice the text) และ Step 5 ขั้นการประเมินและสรุปผล (Evaluation and Summarize) ผลการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน มีความคิดเห็นต่อรูปแบบการสอนโดยรวมอยู่ในระดับเหมาะสมมาก ( = 4.04, S.D. = 0.24) และผลการพัฒนารูปแบบการสอนมีประสิทธิภาพ E1/E2 = 77.17/76.50
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า นักเรียนมีความสนใจ และกระตือรือร้นในการเรียน ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติกิจกรรมเป็นอย่างดี นำเสนอผลงานเป็นที่น่าพอใจและรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ผลการประเมินและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมอยู่ในระดับมาก และจากการปรับปรุงรูปแบบการสอน “5 Steps Model” ตามข้อคิดเห็นของนักเรียน เพื่อนครู และข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ ทำให้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยสอนแบบ “5 Steps Model” สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความสมบูรณ์และนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น