รูปแบบการพัฒนาแหล่งการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของชุมชน
การเรียนรู้ด้วยตนเองสำหรับนักเรียนโรงเรียนเมืองเตาวิทยาคม
สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม
ผู้วิจัย นายสวานิตย์ ศิริบูรณ์
สถานศึกษา โรงเรียนเมืองเตาวิทยาคม อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม
ปีที่วิจัย 2564
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน ความต้องการ และแนวทางในการพัฒนาแหล่งการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองสำหรับนักเรียนโรงเรียนเมืองเตาวิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการพัฒนาแหล่งการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองสำหรับนักเรียนโรงเรียนเมืองเตาวิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการพัฒนาแหล่งการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองสำหรับนักเรียนโรงเรียนเมืองเตาวิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม
4) เพื่อศึกษาความสามารถของนักเรียนด้านทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ระหว่างก่อนและหลังการใช้แหล่งการเรียนรู้โรงเรียนเมืองเตาวิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม แบ่งการวิจัยออกเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของชุมชน 1. กลุ่มเป้าหมาย คือ คณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 14 คน ผู้นำชุมชน จำนวน 5 คน ครู จำนวน 35 คน และปราชญ์ชาวบ้าน จำนวน 6 คน ได้มาโดยการเลือกเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 60 คน 2. กลุ่มผู้ให้ข้อมูลในการสัมภาษณ์ ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 1 คน รองผู้บริหารฝ่ายวิชาการ จำนวน 1 คน และครูผู้สอน จำนวน 1 คน รวมผู้ให้ข้อมูลจากโรงเรียนที่มีแนวปฏิบัติงานเป็นเลิศด้านการจัดการเรียนรู้และการพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ โรงเรียนละ 3 คน จาก 2 โรงเรียนรวมผู้ให้ข้อมูลทั้งสิ้น จำนวน 6 คน ระยะที่ 2 การพัฒนาและสร้างพัฒนารูปแบบการพัฒนาแหล่งเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองสำหรับนักเรียน กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 7 คน ระยะที่ 3 ศึกษาผลการใช้รูปแบบการพัฒนาแหล่งการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองสำหรับนักเรียนโรงเรียนเมืองเตาวิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องประกอบด้วย คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 14 คน ตัวแทนครูผู้สอนระดับตอนต้น-ตอนปลาย จำนวน 2 คน ตัวแทนผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 3 คน ตัวแทนผู้นำชุมชน จำนวน 3 คน และตัวแทนปราชญ์ชาวบ้าน จำนวน 3 คน รวมจำนวน 25 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง ระยะที่ 4 ศึกษาความสามารถของนักเรียนด้านทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ระหว่างก่อนและหลังการใช้แหล่งการเรียนรู้โรงเรียนเมืองเตาวิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม กลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนเมืองเตาวิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม จำนวน 114 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามสภาพปัจจุบันและความต้องการในการพัฒนาแหล่งการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ของชุมชน แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง แบบประเมินรูปแบบการพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ EPPPDE MODEL แบบประเมินความเป็นไปได้และความเป็นประโยชน์ของรูปแบบ แบบวัดทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองของนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
1. กลุ่มเป้าหมายมีความคิดเห็นต่อสภาพปัจจุบันในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของชุมชน ทั้งในและนอกสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับน้อย และความต้องการในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของชุมชน โดยรวมอยู่ในระดับมาก
2. การพัฒนารูปแบบการพัฒนาแหล่งเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองสำหับนักเรียน ภายใต้รูปแบบ EPPPDE MODEL ประกอบด้วย หลักการ วัตถุประสงค์ของรูปแบบ ขั้นตอนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ 6 ขั้น ซึ่งได้แก่
ขั้นที่ 1 สำรวจแหล่งเรียนรู้ ขั้นที่ 2 วางแผนแบบมีส่วนร่วม ขั้นที่ 3 จัดทำข้อมูลสารสนเทศและทะเบียนแหล่งเรียนรู้ ขั้นที่ 4 ส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ขั้นที่ 5 กำกับ ติดตาม ประเมินผลและสรุป และขั้นที่ 6 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งมีผลการตรวจสอบคุณภาพจากผู้ทรงคุณวุฒิ มีความเหมาะสมโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
3. กลุ่มเป้าหมายมีความคิดเห็นต่อรูปแบบการพัฒนาแหล่งการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของชุมชน (EPPPDE Model) เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองสำหรับนักเรียนโรงเรียนเมืองเตาวิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม ด้านความเป็นไปได้และด้านความเป็นประโยชน์ โดยรวมอยู่ในระดับมาก
4. นักเรียนกลุ่มเป้าหมายมีคะแนนทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเองก่อนการเรียนรู้จากแหล่งการเรียนรู้ของโรงเรียนอยู่ในระดับปานกลาง และภายหลังการเรียนรู้จากแหล่งการเรียนรู้ของโรงเรียน นักเรียนมีคะแนนทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยรวมอยู่ในระดับมาก