รูปแบบการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผล โรงเรียนบ้านแม่ปาคี
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทราบ 1) องค์ประกอบของการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผล 2) รูปแบบการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผลโดยใช้ MPK MODEL วิธีดำเนินการวิจัยประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ 1) การศึกษาวิเคราะห์เพื่อกำหนดกรอบแนวคิดในการวิจัยบนพื้นฐานของหลักการ แนวคิดทฤษฎีการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผล 2) การวิเคราะห์ความเป็นไปได้และพัฒนารูปแบบการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผล 3) การตรวจสอบและการสร้างรูปแบบการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผลที่เหมาะสม 4) การปรับปรุงและนำเสนอรูปแบบการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผล ประชากรประกอบด้วย คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านแม่ปาคี จำนวน 7 คน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาสังกัดโรงเรียนบ้านแม่ปาคี จำนวน 14 คน และผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนบ้านแม่ปาคี จำนวน 180 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 201 คน เพื่อใช้ศึกษาความเป็นไปได้และพัฒนารูปแบบการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผลโดยใช้ MPK MODEL และเพื่อสร้างรูปแบบการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผล เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์ที่ไม่มีโครงสร้าง (unstructured interview) แบบสอบถามเกี่ยวกับการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผล และแบบประเมินความพึงพอใจต่อการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผลโดยใช้ MPK MODEL
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่ามัชฌิมเลขคณิต ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
1. องค์ประกอบของรูปแบบการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผลประกอบด้วย 8 องค์ประกอบ คือ 1) การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ 2) ผู้บริหารและครูเป็นมืออาชีพ 3) การประกันคุณภาพ การตรวจสอบได้และความน่าเชื่อถือ
4) สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ 5) การมีวิลัยทัศน์และวัตถุประสงค์ร่วมกัน 6) เน้นการเรียนการสอน 7) การสอนที่มีวัตถุประสงค์ 8) มีความคาดหวังต่อนักเรียนสูง
2. รูปแบบการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผลโดยใช้ MPK MODEL เป็นรูปแบบที่ประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญ 8 องค์ประกอบ ซึ่งมีความเหมาะสมถูกต้อง เป็นไปได้ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้สอดคล้องกับกรอบแนวคิดทฤษฎีของการวิจัย