การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชานาฏศิลป์ เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบั
เมืองสมุทรสงคราม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
โรงเรียนเทศบาลแสงวณิชอุปถัมภ์ สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม
จังหวัดสมุทรสงคราม
ผู้วิจัย นางสาวเพ็ญนภา กิจตรอง ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนเทศบาลแสงวณิชอุปถัมภ์ สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองสมุทรสงคราม
ปีที่วิจัย 2563
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการจัดการเรียนรู้ทักษะปฏิบัติชุดการรำเพลงเมืองสมุทรสงครามและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เพื่อสร้างรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชานาฏศิลป์ เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติชุดการรำเพลงเมืองสมุทรสงคราม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลแสงวณิชอุปถัมภ์ สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชานาฏศิลป์ เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติชุดการรำเพลงเมืองสมุทรสงคราม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลแสงวณิชอุปถัมภ์ สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม และเพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชานาฏศิลป์ เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติชุดการรำเพลงเมืองสมุทรสงคราม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลแสงวณิชอุปถัมภ์ สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลแสงวณิชอุปถัมภ์ สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 22 คน ได้มาโดยสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Sampling) และ เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วยเครื่องมือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือ รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชานาฏศิลป์ เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติชุดการรำเพลงเมืองสมุทรสงคราม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลแสงวณิชอุปถัมภ์ สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม เครื่องมือการประเมิน คือ 1) แบบประเมินความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญต่อรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และ 2) เครื่องมือประเมินนักเรียน ได้แก่ แบบทักษะปฏิบัติ แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test) และข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลพื้นฐานเอกสารและข้อมูล
พื้นฐานบุคคล จากข้อมูลดังกล่าวที่นำมาใช้กำหนดนิยาม ความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ และแนวทางการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชานาฏศิลป์เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติท่ารำประกอบเพลงเมืองสมุทรสงครามสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลแสงวณิชอุปถัมภ์ สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ได้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ คือ 1. หลักการ แนวคิดและทฤษฎีพื้นฐาน (Principle of the Model) 2. วัตถุประสงค์ของรูปแบบ (Objective of the Model) 3. ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ (Syntax of the Learning) ซึ่งออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ไว้ 6 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 1 ขั้นสาธิตทักษะหรือการกระทำ ขั้นที่ 2 ขั้นสาธิตและให้ผู้เรียนปฏิบัติทักษะย่อย ขั้นที่ 3 ขั้นให้ผู้เรียนปฏิบัติทักษะย่อย ขั้นที่ 4 ขั้นให้เทคนิควิธีการ ขั้นที่ 5 ขั้นให้ผู้เรียนเชื่อมโยงทักษะย่อย ๆ ขั้นที่ 6 ขั้นให้สมาชิกในกลุ่มนําคะแนนพัฒนาการของแต่ละคนมารวมกัน 4. ระบบสังคม (Social System) 5. หลักการตอบสนอง (Principle of Reaction) 6. ระบบสนับสนุน (Support System)
2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชานาฏศิลป์เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติท่ารำประกอบเพลงเมืองสมุทรสงครามสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลแสงวณิชอุปถัมภ์ สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ วิชานาฏศิลป์เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติท่ารำประกอบเพลงเมืองสมุทรสงครามสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลแสงวณิชอุปถัมภ์ สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม โดยผู้เชี่ยวชาญ มีผลการประเมินโดยรวมเฉลี่ย ( = 4.56, S.D. = 0.50) มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งเป็นค่าแสดงหลักฐานความเหมาะสมและความสอดคล้องที่มีค่าสูง สามารถนำไปใช้ในการทดลองได้ต่อไป
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชานาฏศิลป์เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติท่ารำประกอบเพลงเมืองสมุทรสงครามสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลแสงวณิชอุปถัมภ์ สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม พบว่า คะแนนทักษะปฏิบัติของนักเรียนจำนวน 20 คน จากการประเมิน 18 ครั้ง โดยมีคะแนนรวมทั้งหมด 236 คะแนน มีค่าเฉลี่ย 209.60 คิดเป็นร้อยละ 88.81 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ และนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้นหลังจากได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แสดงว่าการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชานาฏศิลป์เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติท่ารำประกอบเพลงเมืองสมุทรสงครามสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลแสงวณิชอุปถัมภ์ สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะปฏิบัติและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้น
4. ผลการประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชานาฏศิลป์เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติท่ารำประกอบเพลงเมืองสมุทรสงครามสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลแสงวณิชอุปถัมภ์ สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ให้ผลดังนี้
4.1 ทักษะปฏิบัติหลังใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชานาฏศิลป์เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติท่ารำประกอบเพลงเมืองสมุทรสงครามสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลแสงวณิชอุปถัมภ์ สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม จำนวน 22 คน การประเมินทักษะปฏิบัติของนักเรียนทั้ง 18 ครั้ง มีคะแนนรวมทั้งหมด 236 คะแนน มีค่าเฉลี่ย 214.32 คิดเป็นร้อยละ 90.81 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
4.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชานาฏศิลป์เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติท่ารำประกอบเพลงเมืองสมุทรสงครามสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลแสงวณิชอุปถัมภ์ สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4.3 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชานาฏศิลป์เพื่อพัฒนาทักษะปฏิบัติท่ารำประกอบเพลงเมืองสมุทรสงครามสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลแสงวณิชอุปถัมภ์ สังกัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด