KRUWANDEE

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสร้างชุดฝึกทักษะการสร้างคำในภาษาไทยโดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ STAD สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 ก่อนและหลังเรียนด้วยชุดฝึกทักษะการสร้างคำในภาษาไทยโดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ STAD 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยชุดฝึกทักษะการสร้างคำในภาษาไทยโดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ STAD
กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 33 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ดำเนินการวิจัยโดยใช้ แบบแผนการทดลอง One Group Pretest-Posttest Design เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดฝึกทักษะการสร้างคำในภาษาไทยโดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ STAD จำนวน 7 แผน ชุดฝึกทักษะการสร้างคำในภาษาไทยโดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ STAD จำนวน 7 ชุด แบบทดสอบประจำชุดการฝึก จำนวน 7 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนซึ่งมีค่า ความยากง่าย (p) อยู่ระหว่าง .36 -.78 และค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (r) ตั้งแต่ .37-.80 และแบบสอบถามวัดความพึงพอใจ
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยร้อยละและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัยพบว่า
    1. ชุดฝึกทักษะการสร้างคำในภาษาไทยโดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ STAD สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ 85.66/83.83
        2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดฝึกทักษะการสร้างคำในภาษาไทยโดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ STAD สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 หลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน โดยมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 25.15 คิดเป็นร้อยละ 83.83 คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน 12.82 คิดเป็นร้อยละ 42.73 มีผลการพัฒนาโดยเฉลี่ย เท่ากับ 12.27 คิดเป็นร้อยละ 40.91
        3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 มีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยชุดฝึกทักษะการสร้างคำในภาษาไทยโดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ STAD อยู่ในระดับ ความพึงพอใจมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.70