LASTEST NEWS

27 ก.ค. 2567เช็กด่วน!! กรุงเทพมหานคร เปิดสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ 25 อัตรา รับสมัคร 30 ก.ค. - 5 ส.ค.2567 27 ก.ค. 2567โอกาสมาแล้ว!! น้องนิสิต นักศึกษาครู เชิญทางนี้ กรุงเทพมหานคร เปิดสอบครูผู้ช่วย (โครงการช้อนครู) 322 อัตรา รับสมัคร 30 ก.ค. - 2 ส.ค.2567 27 ก.ค. 2567สพป.แม่ฮ่องสอน เขต 2 เปิดสอบพนักงานราชการ 2 อัตรา วุฒิปริญญาตรีทุกสาขา เงินเดือน 18,000.- บาท สนใจสมัครตั้งแต่วันที่ 1-7 สิงหาคม 2567 27 ก.ค. 2567ไม่ต้องผ่านภาค ก 65 อัตรา วุฒิปริญญาตรีทุกสาขา เงินเดือน 16,830 บาท สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล รับสมัครสอบบรรจุเป็นพนักงาน ตั้งแต่บัดนี้ - 9 สิงหาคม 2567 27 ก.ค. 2567เมืองพัทยา เปิดสอบผู้ช่วยครูผู้ช่วย จำนวน 17 อัตรา รับสมัคร 1-9 สิงหาคม 2567  26 ก.ค. 2567สพป.นนทบุรี เขต 2 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย รอบ 2 ปี 2567 จำนวน 15 อัตรา - รายงานตัว 6 สิงหาคม 2567 26 ก.ค. 2567สพป.ศรีสะเกษ เขต 4 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย รอบที่ 2 จำนวน 11 อัตรา - รายงานตัว 1 สิงหาคม 2567 26 ก.ค. 2567สพป.ปทุมธานี เขต 1 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย รอบที่ 2 จำนวน 5 อัตรา - รายงานตัว 6 สิงหาคม 2567 25 ก.ค. 2567“ศธ.-มท.” เตรียมสุ่มตรวจยาเสพติดโรงเรียน 25 ก.ค. 2567สพป.ฉะเชิงเทรา เขต 1 เรียกบรรจุครูผู้ช่วย บัญชีปี พ.ศ.2566 รอบที่ 7 จำนวน 1 อัตรา - รายงานตัว 1 สิงหาคม 2567

ขออนุญาตเผยแพร่ผลงาน

usericon

รายงานการประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ของโรงเรียนอนุบาลระยอง
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1 ปีการศึกษา 2564
โดยการประยุกต์ใช้รูปแบบการประเมินซิปป์ (CIPP Model)
ผู้ศึกษา เรืองอุไร โตประภากร
บทคัดย่อ
    รายงานการประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ของโรงเรียนอนุบาลระยอง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่
การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1 ปีการศึกษา 2564 โดยการประยุกต์ใช้รูปแบบการประเมินซิปป์ (CIPP Model)
มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินบริบท ปัจจัยนำเข้า กระบวนการดำเนินงาน และผลผลิต จากโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ของโรงเรียนอนุบาลระยอง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1 ปีการศึกษา 2564 โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหาร คณะครู นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียน รวมทั้งสิ้น 761 คน
โดยกลุ่มของผู้บริหาร ได้มาจากวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ประกอบด้วย ผู้อำนวยการโรงเรียน จำนวน 1 คน และรองผู้อำนวยการโรงเรียน จำนวน 4 คน ส่วนกลุ่มของคณะครู นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียน ได้มาจากวิธีการสุ่มแบบชั้นภูมิ (Proportionate Stratified Random Sampling) ซึ่งประกอบด้วย คณะครู จำนวน 84 คน นักเรียน จำนวน 336 คน และผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 336 คน รวมทั้งสิ้น 756 คน โดยกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างตามตารางสำเร็จรูปของเครจซี่ และมอร์แกน (Krejcie, R.V. and Morgan, D.W.) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ของลิเคิร์ท (Likert) โดยแบ่งแบบสอบถามออกเป็น 4 ชุด ประกอบด้วย
    ชุดที่ 1 เป็นแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา และคณะครู เพื่อประเมินด้านบริบท (Context) จำนวน 15 ข้อ
    ชุดที่ 2 เป็นแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา และคณะครู เพื่อประเมินด้านปัจจัยนำเข้า (Input) จำนวน 18 ข้อ
    ชุดที่ 3 เป็นแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา และคณะครู เพื่อประเมินด้านกระบวนการ
ดำเนินงาน (Process) จำนวน 16 ข้อ
    ชุดที่ 4 เป็นแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา คณะครู นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียน
เพื่อประเมินด้านผลผลิต (Product) จำนวน 17 ข้อ    
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย ค่าเฉลี่ย (X ̅) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ของโรงเรียนอนุบาลระยอง
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1 ปีการศึกษา 2564
โดยการประยุกต์ใช้รูปแบบการประเมินซิปป์ (CIPP Model) สรุปได้ ดังนี้
1. ผลการประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ของโรงเรียนอนุบาลระยอง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1 ปีการศึกษา 2564 ตามความคิดเห็นของ ผู้บริหารสถานศึกษา และคณะครู โดยรวมอยู่ในระดับความเหมาะสมมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้านอยู่ในระดับความเหมาะสมมากที่สุด โดยเรียงจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย สามอันดับแรก ได้แก่ ด้านกระบวนการดำเนินงาน ด้านผลผลิต และด้านปัจจัยนำเข้า
         1.1 ด้านบริบท โดยรวมอยู่ในระดับความเหมาะสมมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ
พบว่า เกือบทุกข้ออยู่ในระดับความเหมาะสมมากที่สุด โดยเรียงจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย สามอันดับแรก ได้แก่
การกำหนดเป้าหมายของโครงการมีความสอดคล้องกับสภาพปัญหาและวัตถุประสงค์ของโครงการ มีวิธีการดำเนินงานของโครงการมีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการในด้านส่งเสริมและปลูกฝังให้นักเรียนมีนิสัยรักการอ่าน
ใฝ่เรียนรู้ ศึกษาหาความรู้เพื่อพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ตลอดจนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และการกำหนดหลักการของโครงการมีความสอดคล้องกับความต้องการของนักเรียน ครู และผู้ปกครองนักเรียน
        1.2     ด้านปัจจัยนำเข้า โดยรวมอยู่ในระดับความเหมาะสมมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า
เกือบทุกข้ออยู่ในระดับความเหมาะสมมากที่สุด โดยเรียงจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย สามอันดับแรก ได้แก่ มีการกำหนดนโยบายและวิสัยทัศน์สนับสนุน ผู้บริหาร และคณะครูที่รับผิดชอบการจัดกิจกรรมในโครงการมีความรู้ ความเข้าใจ
ในเรื่องนโยบาย เป้าหมาย และวัตถุประสงค์ของการดำเนินโครงการ และมีงบประมาณสนับสนุนโครงการส่งเสริมนิสัย
รักการอ่านเพียงพอ
        1.3     ด้านกระบวนการดำเนินงาน โดยรวมอยู่ในระดับความเหมาะสมมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ
พบว่า เกือบทุกข้ออยู่ในระดับความเหมาะสมมากที่สุด โดยเรียงจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย สามอันดับแรก ได้แก่
มีการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านอย่างชัดเจนเหมาะสม มีการประสานงานกับครูประจำชั้นและครูผู้สอนภาษาไทยในแต่ละระดับชั้น เพื่อจัดกิจกรรมตามโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านอย่างทั่วถึง และมีการประชุมคณะกรรมการดำเนินงาน เพื่อปรึกษาหารือและร่วมกันวางแผนการดำเนินงานโครงการส่งเสริมนิสัย
รักการอ่าน
        1.4    ด้านผลผลิต โดยรวมอยู่ในระดับความเหมาะสมมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า เกือบทุกข้ออยู่ในระดับความเหมาะสมมากที่สุด โดยเรียงจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย สามอันดับแรก ได้แก่ ผู้บริหาร คณะครู และ
ผู้ปกครองนักเรียน สนับสนุนส่งเสริมการจัดกิจกรรม โดยเน้นการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านแก่นักเรียน นักเรียนมีผลการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนดีขึ้น และโรงเรียนจัดแหล่งเรียนรู้และแหล่งค้นคว้าให้กับนักเรียน
2. ผลการประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ของโรงเรียนอนุบาลระยอง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1 ปีการศึกษา 2564 ตามความคิดเห็นของนักเรียน ด้านผลผลิต โดยรวมและรายข้อ
อยู่ในระดับความเหมาะสมมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ทุกข้ออยู่ในระดับความเหมาะสมมากที่สุด โดย
เรียงจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย สามอันดับแรก ได้แก่ นักเรียนมีสมุดบันทึกการอ่านของตนเอง นักเรียนมีความสุข
จากการอ่านหนังสือจากสื่อทุกรูปแบบ และโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านเกิดประโยชน์ต่อนักเรียน
3. ผลการประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ของโรงเรียนอนุบาลระยอง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1 ปีการศึกษา 2564 ตามความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียน ด้านผลผลิต โดยรวมและรายข้อ อยู่ในระดับความเหมาะสมมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ทุกข้ออยู่ในระดับความเหมาะสมมากที่สุด โดย
เรียงจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย สามอันดับแรก ได้แก่ ผู้บริหาร คณะครู และผู้ปกครองนักเรียน สนับสนุนส่งเสริม
การจัดกิจกรรม โดยเน้นการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านแก่นักเรียน นักเรียนมีสมุดบันทึกการอ่านของตนเอง และโครงการ
ส่งเสริมนิสัยรักการอ่านเกิดประโยชน์ต่อนักเรียน
    

ร่วมแสดงความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น!

ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้

^