รายงานการประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
2) การพัฒนาตนเองได้ตามศักยภาพและสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
3) ความพึงพอใจของครูที่มีต่อการดำเนินโครงการ 4) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการดำเนินโครงการ 5) ความพึงพอใจของผู้ปกครองที่มีต่อการดำเนินโครงการ คุณภาพผู้เรียน จำแนกเป็น
5.1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับสถานศึกษา ปีการศึกษา 2564 (GPA) 5.2) ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) 5.3) สมรรถนะนักเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ 5.4) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง ครูผู้สอน จำนวน 40 คน กลุ่มตัวอย่างคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน กลุ่มตัวอย่างนักเรียน จำนวน 461 คน และกลุ่มตัวอย่างผู้ปกครอง จำนวน 461 คน เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินโครงการ จำนวน 12 ฉบับ ทุกฉบับมีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือได้ค่าความเชื่อมั่นระหว่าง 0.86-0.95 และแบบบันทึกผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระดับสถานศึกษา
ปีการศึกษา 2564 ตามสภาพจริง แบบบันทึกผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้น ป.6 ตามสภาพจริง แบบบันทึกผลการประเมินสมรรถนะนักเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2564 ตามสภาพจริง แบบบันทึกการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน ปีการศึกษา 2564 ตามสภาพจริง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
ผลการประเมินสรุปได้ดังนี้
1. ผลการประเมินข้อมูลด้านบริบทหรือสภาพแวดล้อมของโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนอนุบาลป่าบอน ปีการศึกษา 2564 ตามความคิดเห็นของครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า ทั้งสองกลุ่มที่ประเมินมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมินและเมื่อพิจารณาแต่ละกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า ครูและผู้บริหารมีความคิดเห็นโดยรวมเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.52, S.D.=0.28 ) ส่วนคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีความคิดเห็นโดยรวมเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.52, S.D.=0.27 ) เช่นกัน ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมินทั้งภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัด
2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านปัจจัยนำเข้าของโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนอนุบาลป่าบอน ปีการศึกษา 2564 ตามความคิดเห็นของครูและผู้บริหาร และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า ทั้งสองกลุ่มที่ประเมินมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมินและเมื่อพิจารณาแต่ละกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า ครูและผู้บริหารมีความคิดเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ย อยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.54, S.D.=0.24 ) ส่วนคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีความคิดเห็นโดยรวมเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.60, S.D.=0.21 )
ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมินทั้งภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัด
3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านกระบวนการของโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนอนุบาลป่าบอน ปีการศึกษา 2564 ตามความคิดเห็นของครูและผู้บริหาร ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่าทั้งสามกลุ่มที่ประเมินมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน และเมื่อพิจารณาแต่ละกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า ครูและผู้บริหารมีความคิดเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ยในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.51, S.D.=0.24 ) ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน ผู้กครองมีความคิดเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ยในระดับมากที่สุด
( x ̅=4.53, S.D.=0.22 ) ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความคิดเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุดเช่นกัน ( x ̅=4.59, S.D.=0.21 ) ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน ทั้งภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัด
4. ผลการประเมินด้านผลผลิตของโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนอนุบาลป่าบอน ปีการศึกษา 2564 มีรายละเอียดดังนี้
4.1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านผลผลิตเกี่ยวกับระดับคุณภาพการจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนอนุบาลป่าบอน ปีการศึกษา 2564 ตามความคิดเห็นของครูและผู้บริหาร พบว่า
โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยคุณภาพ อยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.52, S.D.=0.27 ) ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาแต่ละรายการ พบว่า ผู้บริหาร ครูและผู้ที่เกี่ยวข้องเรียนรู้และร่วมศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการจำเป็นเร่งด่วนของโรงเรียน มีค่าเฉลี่ยสูงสุดอยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.73,S.D.=0.64 ) รองลงมาคือ การมีส่วนร่วมในการกำหนดข้อตกลงหรือการปฏิบัติงานร่วมกัน มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.67, S.D.=0.60 ) ส่วนรายการการส่งเสริมให้ครูมีเวลาหรืออำนวยความสะดวกให้ครูได้พบปะเพื่อสะท้อนผลการจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนซึ่งกันและกัน มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด อยู่ในระดับมาก ( x ̅=4.39, S.D.=0.77 ) ผ่านเกณฑ์การประเมิน
4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านผลผลิตเกี่ยวกับนักเรียนสามารถพัฒนาตนเองได้ตามศักยภาพและสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขตามความคิดเห็นของครูและผู้บริหาร พบว่า โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.54, S.D.=0.23 ) ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาแต่ละด้าน พบว่า ด้านการมีสุขภาพกายสุขภาพจิตและสุขนิสัยที่ดี มีค่าเฉลี่ยคุณภาพสูงสุด อยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.58, S.D.=0.41 ) รองลงมา คือด้านการรู้จักตนเองและพึ่งตนเองได้ มีค่าเฉลี่ยคุณภาพ อยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.56, S.D.=0.36 ) ด้านการเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว โรงเรียน ชุมชนและสังคม มีค่าเฉลี่ยคุณภาพ อยู่ในระดับมากที่สุด
( x ̅=4.54, S.D.=0.37 ) ด้านการมีทักษะในการหลีกเลี่ยงป้องกันอันตรายและพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.53, S.D.=0.28 ) ส่วนด้านการมีเจตคติที่ดีและมีทักษะพื้นฐานในการประกอบอาชีพสุจริตและด้านรักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.52, S.D.=0.42 ) และ ( x ̅=4.52, S.D.=0.43 )
4.3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านผลผลิตเกี่ยวกับนักเรียนสามารถพัฒนาตนเองได้ตามศักยภาพและสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ตามความคิดเห็นของนักเรียน พบว่า โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยคุณภาพ อยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.55, S.D.=0.24 ) ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาแต่ละด้าน พบว่า ด้านการรู้จักตนเองและพึ่งตนเองได้ มีค่าเฉลี่ยคุณภาพสูงสุด อยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.61, S.D.=0.31 ) รองลงมา คือ ด้านการมีเจตคติที่ดีและมีทักษะพื้นฐานในการประกอบอาชีพสุจริต มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.58, S.D.=0.40 ) ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือด้านรักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น มีค่าเฉลี่ย และ อยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.51, S.D.=0.40 )
4.4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านผลผลิตเกี่ยวกับนักเรียนสามารถพัฒนาตนเองได้ตามศักยภาพและสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ตามความคิดเห็นของผู้ปกครอง พบว่า โดยภาพรวม มีค่าเฉลี่ยคุณภาพ อยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.56, S.D.=0.24 ) ได้คะแนนเฉลี่ยรวม 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาแต่ละด้าน พบว่า ด้านการรู้จักตนเองและพึ่งตนเองได้ มีค่าเฉลี่ยคุณภาพสูงสุด อยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.62, S.D.=0.32 ) รองลงมา คือ ด้านรักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น มีค่าเฉลี่ยคุณภาพ อยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.58, S.D.=0.34 ) ด้านการมีเจตคติที่ดีและมีทักษะพื้นฐานในการประกอบอาชีพสุจริต มีค่าเฉลี่ยคุณภาพ อยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.57, S.D.=0.40 ) ตามลำดับ ส่วนด้านการมีทักษะในการหลีกเลี่ยงป้องกันอันตรายและพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด อยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.51, S.D.=0.34 )
4.5 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านผลผลิตเกี่ยวกับนักเรียนสามารถพัฒนาตนเองได้ตามศักยภาพและสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขตามความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยคุณภาพ อยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.56,
S.D.=0.20 ) ได้คะแนนเฉลี่ยรวม 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาแต่ละด้าน พบว่า
ด้านรักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น มีค่าเฉลี่ยคุณภาพสูงสุด อยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.67, S.D.=0.25 ) รองลงมา คือ ด้านการเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว โรงเรียน ชุมชนและสังคม
มีค่าเฉลี่ยคุณภาพ อยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.61, S.D.=0.41 ) ด้านการมีสุขภาพกายสุขภาพจิตและสุขนิสัยที่ดี มีค่าเฉลี่ยคุณภาพ อยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.61, S.D.=0.26 ) ตามลำดับ
ส่วนด้านการมีทักษะในการหลีกเลี่ยงป้องกันอันตรายและพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด อยู่ในระดับมาก ( x ̅=4.47, S.D.=0.30 )
4.6 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านผลผลิตเกี่ยวกับนักเรียนสามารถพัฒนาตนเองได้ตามศักยภาพและสามารถดำรงอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ตามความคิดเห็นของครูและผู้บริหาร นักเรียน ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า ทั้งสี่กลุ่มที่ประเมินมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ได้คะแนนเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมินและเมื่อพิจารณาแต่ละกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า ครูและผู้บริหารมีความคิดเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.54, S.D.=0.23 ) ได้คะแนนเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน นักเรียนมีความคิดเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.55, S.D.=0.24 ) ได้คะแนนเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน ผู้ปกครองมีความคิดเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.56, S.D.=0.24 ) ได้คะแนนเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์
การประเมิน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความคิดเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.56, S.D.=0.20 ) ได้คะแนนเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน
4.7 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความพึงพอใจที่มีต่อการดำเนินงานตามโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนอนุบาลป่าบอน ตามความคิดเห็นของครูและผู้บริหาร นักเรียน และผู้ปกครอง พบว่า ทั้งสามกลุ่มที่ประเมินมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ได้คะแนนเฉลี่ย 5 ผ่านเกณฑ์การประเมิน และเมื่อพิจารณาแต่ละกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า ครูมีความพึงพอใจโดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.51, S.D.=0.29 ) ได้คะแนนเฉลี่ย 3 ผ่านเกณฑ์การประเมิน นักเรียนมีความพึงพอใจโดยรวม มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.54, S.D.=0.26 ) ได้คะแนนเฉลี่ย 4 ผ่านเกณฑ์การประเมิน ผู้ปกครองมีความพึงพอใจมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( x ̅=4.52, S.D.=0.29 )
ได้คะแนนเฉลี่ย 3 ผ่านเกณฑ์การประเมิน
4.8 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านผลผลิตเกี่ยวกับคุณภาพผู้เรียน จำแนกได้ดังนี้
4.8.1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับสถานศึกษา ปีการศึกษา 2564 (GPA) 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 โรงเรียนอนุบาลป่าบอน โดยภาพรวม พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับสถานศึกษา ปีการศึกษา 2564 มีคะแนนเฉลี่ย GPA ร้อยละ 73.63 ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 5 ผ่านเกณฑ์การประเมิน
4.8.2 ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) โรงเรียนอนุบาลป่าบอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2564 มีค่าคะแนนเฉลี่ย 46.60 มีค่าคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าค่าคะแนนเฉลี่ยระดับชาติทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้คะแนนเฉลี่ย 5 ผ่านเกณฑ์การประเมิน
4.8.3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการประเมินสมรรถนะนักเรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2564 ตามสภาพจริง โดยภาพรวม พบว่าอยู่ในระดับ
ดี-ดีเยี่ยม ร้อยละ 93.10 ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 7 ผ่านเกณฑ์การประเมิน
4.8.4 ผลการวิเคราะห์เกี่ยวกับการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2564 ตามสภาพจริง โดยภาพรวม พบว่าอยู่ในระดับดี-ดีเยี่ยม ร้อยละ 97.54 ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 8 ผ่านเกณฑ์การประเมิน
สรุปผลการประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนอนุบาลป่าบอน
ปีการศึกษา 2564 โดยใช้รูปแบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP Model) มีค่าน้ำหนัก 100 ได้คะแนนเฉลี่ย 100 ผ่านเกณฑ์การประเมิน
ข้อเสนอแนะในการนำผลการประเมินไปใช้
1. โรงเรียนควรนำผลการประเมินโครงการมาวิเคราะห์หาจุดเด่น จุดที่ควรพัฒนาเพื่อกำหนดรูปแบบและแนวทางในการพัฒนาโครงการจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
2. ควรจัดให้มีโครงการจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนเป็นโครงการต่อเนื่องในทุก ๆ
ปีการศึกษา
3. ควรนำผลการประเมินโครงการเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนและเผยแพร่อย่างกว้างขวาง
4. โรงเรียนควรพัฒนาการจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
จนกลายเป็นวิถีของโรงเรียนที่มีความเด่นชัดและมีอัตลักษณ์เป็นของตัวเองสามารถเป็นแบบอย่างของโรงเรียนอื่นได้
ข้อเสนอแนะในการประเมินโครงการหรือการวิจัยครั้งต่อไป
1. ควรนำรูปแบบการประเมินโครงการของ CIPP Model ไปปรับใช้กับการประเมินโครงการอื่น ๆ ในโรงเรียน เนื่องจากสารสนเทศที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในการยกระดับพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนต่อไป
2. ควรมีการประเมินโครงการเชิงสาเหตุเพื่อให้ทราบว่าสาเหตุหรือปัจจัยใดที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จของโครงการ ซึ่งจะทำให้เป็นแนวทางการนำมาปรับปรุงพัฒนาโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
3. ควรมีการประเมินโครงการต่าง ๆ ในระดับหน่วยงานหรือกลุ่มงานย่อยทุกโครงการ โดยประยุกต์ใช้รูปแบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP Model) หรือรูปแบบอื่นที่เหมาะสม