รายงานวิจัยในชั้นเรียน
เรื่อง การส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้เรื่องระบบสืบพันธุ์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น
การวิจัยในชั้นเรียนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหา หน่วยการเรียนรู้เรื่องระบบสืบพันธุ์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 89 คน
ซึ่งเรียนรายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบวัดทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียน ซึ่งมีลักษณะเป็นข้อสอบอัตนัย การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยการหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าร้อยละ และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลคือ t-test
ผลการวิจัยพบว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นสามารถส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ได้ โดยผลการทดสอบทักษะการแก้ปัญหา ของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 6.60 คะแนน เป็น 16.42 คะแนน ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ด้วยการทดสอบค่าที (t-test) พบว่าหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ประเด็นทางสังคมที่เกี่ยวเนื่องกับวิทยาศาสตร์ นักเรียนมีทักษะการแก้ปัญหาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
การวิจัยในชั้นเรียนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหา หน่วยการเรียนรู้เรื่องระบบสืบพันธุ์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 89 คน
ซึ่งเรียนรายวิชาชีววิทยา 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบวัดทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียน ซึ่งมีลักษณะเป็นข้อสอบอัตนัย การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยการหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าร้อยละ และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลคือ t-test
ผลการวิจัยพบว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นสามารถส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ได้ โดยผลการทดสอบทักษะการแก้ปัญหา ของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 6.60 คะแนน เป็น 16.42 คะแนน ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ด้วยการทดสอบค่าที (t-test) พบว่าหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ประเด็นทางสังคมที่เกี่ยวเนื่องกับวิทยาศาสตร์ นักเรียนมีทักษะการแก้ปัญหาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05