การประเมินโครงการส่งเสริมพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนฯ
โรงเรียนกรุงหยันวิทยาคาร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครศรีธรรมราช
ชื่อผู้ประเมิน : นางสาวพรรษา ธนาวุฒิ
ตำแหน่ง : รองผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะ รองผู้อำนวยการชำนาญการ
ปีที่ประเมิน : ปีการศึกษา 2564
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
การประเมินโครงการส่งเสริมพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนและการคุ้มครองเด็กโรงเรียนกรุงหยันวิทยาคาร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครศรีธรรมราช โดยใช้รูปแบบซิปป์เ(CIPPเModel) ประเมินโครงการในด้านบริบท ด้านปัจจัยนำเข้าเด้านกระบวนการและด้านผลผลิต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ประเมินบริบทเกี่ยวกับความต้องการจำเป็นของโครงการ ความเป็นไปได้ของโครงการ ความพร้อมและเหมาะสมของสถานศึกษา ความเหมาะสมของวัตถุประสงค์ การได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเ2) เพื่อประเมินปัจจัยนำเข้าเกี่ยวกับบุคลากร งบประมาณ สื่อและวัสดุอุปกรณ์ และระบบบริหารที่เอื้อต่อการดำเนินงานโครงการ 3) เพื่อประเมินกระบวนการเกี่ยวกับการกำหนดทิศทางและกลยุทธ์เการดำเนินงานตามแผน การนิเทศกำกับติดตาม การประเมินผลปรับปรุงพัฒนา การรายงานผลและประชาสัมพันธ์ 4) เพื่อประเมินผลผลิต เกี่ยวกับผลการดำเนินงานโครงการด้านระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนและความพึงพอใจของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเประชากรที่ใช้ในการประเมินโครงการเได้แก่เนักเรียนเครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้ปกครองและคณะกรรมการสถานศึกษา โรงเรียนกรุงหยันวิทยาคาร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา นครศรีธรรมราช ในปีการศึกษา 2564 รวมทั้งสิ้น จำนวน 804 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการประเมินโครงการได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Random Sampling) จำนวน 160 คน ประกอบด้วยนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 6 จำนวน 60 คน (สุ่มอย่างง่ายชั้นละ 10 คน) 2) ครูผู้สอน จำนวน 25 คน (เลือกจากครูผู้ทำหน้าที่จัดการเรียนการสอน) ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 2 คน ผู้ปกครองนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 6 จำนวน 60 คน (เลือกจากผู้ปกครองที่นักเรียนถูกเลือกเป็นกลุ่มตัวอย่าง) คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน (ไม่นับรวมตัวแทนครูและผู้อำนวยการสถานศึกษา) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินโครงการเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับเจำนวน 5 ฉบับเได้แก่แบบสอบถามฉบับที่ 1 ประเมินด้านบริบท จำนวน 40 ข้อ ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.89 แบบสอบถามฉบับที่ 2 ประเมินด้านปัจจัย จำนวน 30 ข้อ ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.88เแบบสอบถามฉบับที่เ3 ประเมินด้านกระบวนการ (ประเมินระหว่างดำเนินงาน) จำนวน 40 ข้อ ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.89 แบบสอบถามฉบับที่เ4 ประเมินด้านผลผลิตเเกี่ยวกับด้านผลการดำเนินงานด้านระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนเ(ประเมินหลังเสร็จสิ้นโครงการ) จำนวน 70 ข้อ ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.93 แบบสอบถามฉบับที่เ5เประเมินความความพึงพอใจของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จำนวน 15 ข้อ ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.88 การเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้โปรแกรม SPSS for Windows 16.0 ด้วยค่าสถิติร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) ผลการประเมินและข้อเสนอแนะสรุปได้ดังนี้
ผลการประเมิน
1. ผลการประเมินด้านบริบทของโครงการ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินทั้ง 5 ตัวชี้วัด โดยรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุดเเมื่อพิจารณาถึงรายละเอียดของแต่ละตัวชี้วัด โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยพบว่า ความต้องการจำเป็นของโครงการ มีความเหมาะสมมากที่สุด รองลงมาคือ ความเหมาะสมของวัตถุประสงค์ ความเป็นไปได้ของโครงการ ความพร้อมและเหมาะสมของสถานศึกษาและการได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามลำดับ
2. ผลการประเมินด้านปัจจัยนำเข้าของโครงการ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินทั้ง 4 ตัวชี้วัด โดยรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาถึงรายละเอียดของแต่ละตัวชี้วัดโดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยพบว่า ด้านบุคลากรของสถานศึกษา มีความเหมาะสมมากที่สุด รองลงมาคือ ด้านระบบบริหารที่เอื้อต่อการดำเนินงานโครงการ ด้านสื่อวัสดุอุปกรณ์และด้านงบประมาณ ตามลำดับ
3. ผลการประเมินด้านกระบวนการของโครงการ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินทั้ง 5 ตัวชี้วัด โดยภาพรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาถึงรายละเอียดของแต่ละตัวชี้วัดโดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยพบว่า การกำหนดทิศทางและกลยุทธ์มีความเหมาะสม มากที่สุด รองลงมาคือ การดำเนินงานตามแผน การรายงานผลและประชาสัมพันธ์ การประเมินผลปรับปรุงพัฒนาและการนิเทศกำกับติดตามผล ตามลำดับ
4. ผลการประเมินผลผลิตของโครงการพบว่า
4.1 ด้านผลการดำเนินงานโครงการทั้ง 10 ตัวชี้วัด พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินทั้ง 10 ตัวชี้วัด โดยรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาถึงรายละเอียดของแต่ละตัวชี้วัดโดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยพบว่า ด้านสุขภาพร่างกาย มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือด้านสุขภาพจิต ด้านสังคม ด้านอารมณ์ ด้านคุณธรรมจริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ ด้านความรู้และทักษะ ด้านการติดต่อสื่อสารและสร้างสัมพันธภาพ ด้านการรับรู้และเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น ด้านทักษะชีวิต ด้านทักษะการแก้ปัญหา ตามลำดับ
4.2 ด้านความพึงพอใจของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่มีต่อการดำเนินงานโครงการพบว่า โดยรวมผ่านเกณฑ์การประเมินที่กำหนดและอยู่ในระดับมากที่สุดทุกตัวชี้วัด
ผลการประเมินโครงการในภาพรวมพบว่า โครงการส่งเสริมพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนและการคุ้มครองเด็ก โรงเรียนกรุงหยันวิทยาคาร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครศรีธรรมราช อยู่ในระดับมากที่สุด ดังนั้นจึงควรให้มีการดำเนินงานตามโครงการนี้ต่อไป ทั้งนี้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องตระหนักและเห็นความสำคัญ ให้ความร่วมมือ สนับสนุนอย่างจริงจัง มีการกำกับติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเเพื่อให้การดำเนินงานโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ