รายงานการประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน
ห้องสมุดโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 24 จังหวัดพะเยา
สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ
ผู้ประเมิน นพดล ธรรมใจอุด
ปีที่ประเมิน 2564
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านโดยใช้แหล่งการเรียนรู้ห้องสมุดโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 24 จังหวัดพะเยา สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ2. เพื่อศึกษานิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 24 จังหวัดพะเยา สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการประเมินทั้งสิ้น จำนวน 1,252 คน โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 เป็นผู้ตอบแบบสอบถาม ฉบับที่ 1 – 4 จำนวนทั้งหมด 973 คน ประกอบด้วย คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 4 คน ครูผู้สอน จำนวน 81 คน และผู้ปกครอง จำนวน 875 คน ใช้ประชากรทั้งหมดเป็นกลุ่มตัวอย่าง และกลุ่มที่ 2 เป็นผู้ตอบแบบสอบถาม ฉบับที่ 5 จำนวนทั้งหมด 279 คน ซึ่งเป็นนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 24 จังหวัดพะเยา ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2564 ซึ่งได้จำนวนกลุ่มตัวอย่างมาจากตารางของ Krejcie and Morgan และใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบสอบถามความคิดเห็น จำนวน 5 ฉบับ 2) แบบบันทึกข้อมูล จำนวน 5 ชุด 3) แบบประเมินมาตรฐานห้องสมุดโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จากนั้นนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และแปลผลตามเกฑณ์การประเมินต่อไป
ผลการประเมินสรุปได้ดังนี้
1. ผลการประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านโดยใช้แหล่งการเรียนรู้ห้องสมุดโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 24 จังหวัดพะเยา สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ทุกด้าน โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าด้านกระบวนการมีค่าเฉลี่ยความเหมาะสมสูงที่สุด ส่วนด้านบริบทมีค่าเฉลี่ยความเหมาะสมน้อยที่สุด ซึ่งมีรายละเอียดผลการประเมินแต่ละด้านดังนี้ ดังต่อไปนี้
1.1 ด้านบริบทโดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์การประเมินโดยมีข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ โครงการมีความเหมาะสมกับ สภาพปัจจุบันปัญหาของโรงเรียน ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ โครงการกำหนดปฏิทินปฏิบัติงานโครงการส่งเสริมรักการอ่านที่ชัดเจน
1.2 ด้านปัจจัยนำเข้าโดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์การประเมินโดยมีข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ หนังสือพิมพ์ วารสาร และสิ่งพิมพ์ในห้องสมุดหอนอน มีเพียงพอต่อความต้องการอ่านของนักเรียน ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ งบประมาณเหมาะสมกับลักษณะของกิจกรรมและจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม
1.3 ด้านกระบวนการโดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ผ่านเกณฑ์การประเมินโดยมีข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ห้องสมุดมีกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ด้วยกิจกรรมกระตุกสนใจ กระตุ้นให้อ่าน กระจายให้รู้ สู่ความยั่งยืน มีความหลากหลายน่าสนใจ ตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียนได้เป็นอย่างดี ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ผู้รับผิดชอบมีการรายงานผลการดําเนินงานโครงการอย่างเหมาะสม
1.4 ด้านผลผลิตโดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ผ่านเกณฑ์การประเมินโดยมีข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ นักเรียนมีนิสัยรักการอ่านอย่างยั่งยืน ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์การทดสอบระดับชาติจากการทดสอบความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับสถานศึกษาระดับ ดี ขึ้นไปสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดความสามารถด้านการอ่าน สูงกว่า ระดับประเทศ ความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ รายวิชาภาษาไทย สูงกว่าระดับประเทศ ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน สาระการอ่าน รายวิชาภาษาไทย สูงกว่าระดับประเทศ ความสามารถด้านการอ่าน คิดวิเคราะห์ และการเขียนของผู้เรียนระดับ ระดับ ดี ขึ้นไป สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และห้องสมุดโรงเรียนมีมาตรฐาน ระดับ ดีเยี่ยม
1.5 ด้านผลกระทบโดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุดผ่านเกณฑ์การประเมิน โดยมีข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ โรงเรียนและนักเรียนได้รับรางวัลหรือเกียรติยศในระดับชุมชน เขตพื้นที่ อำเภอ จังหวัด ภาค และประเทศ ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ โรงเรียนและนักเรียนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชน อำเภอ จังหวัด
1.6 ด้านประสิทธิผลโดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์การประเมิน โดยมีข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมิน โดยมีนิสัยรักการอ่าน ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์การทดสอบระดับชาติสูงขึ้น
1.7 ด้านความยั่งยืน โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์การประเมิน โดยมีข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ โรงเรียนเกิดแนวคิดการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านโดยใช้แหล่งการเรียนรู้ห้องสมุดทำให้นักเรียนเกิดทักษะการอ่านและมีนิสัยรักการอ่านอย่างยั่งยืน ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ครูเกิดแนวคิดในการจัดการเรียนรู้เพื่อยกระดับคุณภาพด้านการอ่าน
1.8 ด้านถ่ายทอดส่งต่อ โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์การประเมิน โดยมี ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ โรงเรียนดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบด้วยวิธีการที่หลากหลาย ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ครูสามารถปรับประยุกต์ใช้องค์ความรู้ ประสบการณ์ที่ได้จากการร่วมโครงการการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผ่านชุมชนวิชาชีพ
2. นิสัยรักการอ่านของนักเรียนโดยภาพรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยการปฏิบัติสูงที่สุด 3 อันดับคือ นักเรียนอ่านหนังสือเมื่อมีเวลาว่างในแต่ละวัน รองลงมา คือ นักเรียนเข้าใช้บริการห้องสมุดหรือแหล่งการเรียนรู้อื่น ๆ มากขึ้นหลังจากเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด และนักเรียนเข้าใช้ห้องสมุดและแหล่งการเรียนรู้อื่น ๆ ในการอ่านและแสวงหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ ตามลำดับ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ นักเรียนอ่านหนังสือเมื่อใกล้สอบเท่านั้น
คำสำคัญ : การประเมินโครงการ, ส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน, แหล่งการเรียนรู้ห้องสมุด