การพัฒนาชุดกิจการรมการเรียนรู้ เรื่อง กระบวนท่ารำในเพลงโคราช สำห
ชื่อผลงาน การพัฒนาชุดกิจการรมการเรียนรู้ เรื่อง กระบวนท่ารำในเพลงโคราช สำหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ชื่อผู้ศึกษา นางณิชกานต์ สมบัติชัย
ปีการศึกษา 2564
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาชุดกิจการรมการเรียนรู้ เรื่อง กระบวนท่ารำในเพลงโคราช สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนมะค่าวิทยา อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ระหว่างก่อนและหลังเรียน ด้วยชุดกิจการรมการเรียนรู้ เรื่อง กระบวนท่ารำในเพลงโคราช 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนมะค่าวิทยา อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ที่มีต่อชุดกิจการรมการเรียนรู้ เรื่อง กระบวนท่ารำในเพลงโคราช กลุ่มตัวอย่าง คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนมะค่าวิทยา อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 17 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่ม (cluster random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย มี 4 ชนิด ได้แก่ 1) ชุดกิจการรมการเรียนรู้ เรื่อง กระบวนท่ารำในเพลงโคราช สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 7 เล่ม มีคุณภาพอยู่ในระดับเหมาะสมมาก 2) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ มีคุณภาพอยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นข้อสอบแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่าย (P) 0.43 ถึง 0.80 และค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.20 ถึง 0.53 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.89 4) แบบวัดความพึงพอใจมีคุณภาพอยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และ t-test for Dependent Samples
ผลการวิจัยพบว่า
1) ประสิทธิภาพของชุดกิจการรมการเรียนรู้ เรื่อง กระบวนท่ารำในเพลงโคราช สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพ 81.36/84.57 เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้
2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนมะค่าวิทยา อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ที่เรียนด้วยชุดกิจการรมการเรียนรู้ เรื่อง กระบวนท่ารำในเพลงโคราช สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05
3) ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนมะค่าวิทยา อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ที่มีต่อการเรียนชุดกิจการรมการเรียนรู้ เรื่อง กระบวนท่ารำในเพลงโคราช สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อยู่ในระดับมากที่สุด
สรุปได้ว่าการพัฒนาชุดกิจการรมการเรียนรู้ เรื่อง กระบวนท่ารำในเพลงโคราช สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่สร้างขึ้นมีความเหมาะสม สามารถนำไปใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนได้
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ชื่อผู้ศึกษา นางณิชกานต์ สมบัติชัย
ปีการศึกษา 2564
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาชุดกิจการรมการเรียนรู้ เรื่อง กระบวนท่ารำในเพลงโคราช สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนมะค่าวิทยา อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ระหว่างก่อนและหลังเรียน ด้วยชุดกิจการรมการเรียนรู้ เรื่อง กระบวนท่ารำในเพลงโคราช 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนมะค่าวิทยา อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ที่มีต่อชุดกิจการรมการเรียนรู้ เรื่อง กระบวนท่ารำในเพลงโคราช กลุ่มตัวอย่าง คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนมะค่าวิทยา อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 17 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่ม (cluster random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย มี 4 ชนิด ได้แก่ 1) ชุดกิจการรมการเรียนรู้ เรื่อง กระบวนท่ารำในเพลงโคราช สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 7 เล่ม มีคุณภาพอยู่ในระดับเหมาะสมมาก 2) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ มีคุณภาพอยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นข้อสอบแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่าย (P) 0.43 ถึง 0.80 และค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.20 ถึง 0.53 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.89 4) แบบวัดความพึงพอใจมีคุณภาพอยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และ t-test for Dependent Samples
ผลการวิจัยพบว่า
1) ประสิทธิภาพของชุดกิจการรมการเรียนรู้ เรื่อง กระบวนท่ารำในเพลงโคราช สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพ 81.36/84.57 เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้
2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนมะค่าวิทยา อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ที่เรียนด้วยชุดกิจการรมการเรียนรู้ เรื่อง กระบวนท่ารำในเพลงโคราช สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05
3) ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนมะค่าวิทยา อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ที่มีต่อการเรียนชุดกิจการรมการเรียนรู้ เรื่อง กระบวนท่ารำในเพลงโคราช สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อยู่ในระดับมากที่สุด
สรุปได้ว่าการพัฒนาชุดกิจการรมการเรียนรู้ เรื่อง กระบวนท่ารำในเพลงโคราช สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่สร้างขึ้นมีความเหมาะสม สามารถนำไปใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนได้