เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบSTADกับปกติ
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ (ว 22202) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD กับการจัดการเรียนรู้แบบปกติ กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดท่าสุ่ม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 12 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD จำนวน 6 คน และกลุ่มที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยการจัดการเรียนรู้แบบปกติ จำนวน 6 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD จำนวน 4 ชุด ระยะเวลาในการศึกษา 10 สัปดาห์ รวมทั้งสิ้น จำนวน 20 ชั่วโมง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้ พบว่า ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ (ว 22202) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของนักเรียน ที่เรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD หลังเรียน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 28.00 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.63 สูงกว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ (ว 22202) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของนักเรียนที่เรียนรู้โดยการจัดการเรียนรู้แบบปกติ ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 24.83 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.75 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนทั้งสองกลุ่มมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์คะแนนที่กำหนดไว้ร้อยละ 80
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ (ว 22202) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD กับการจัดการเรียนรู้แบบปกติ กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดท่าสุ่ม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 12 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD จำนวน 6 คน และกลุ่มที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยการจัดการเรียนรู้แบบปกติ จำนวน 6 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD จำนวน 4 ชุด ระยะเวลาในการศึกษา 10 สัปดาห์ รวมทั้งสิ้น จำนวน 20 ชั่วโมง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้ พบว่า ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ (ว 22202) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของนักเรียน ที่เรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค STAD หลังเรียน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 28.00 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.63 สูงกว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ (ว 22202) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของนักเรียนที่เรียนรู้โดยการจัดการเรียนรู้แบบปกติ ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 24.83 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.75 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนทั้งสองกลุ่มมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์คะแนนที่กำหนดไว้ร้อยละ 80