KRUWANDEE

ในการจัดการเรียนการสอน เรื่อง ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน มีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย ทั้งนี้มีสาเหตุมาจากโดยเนื้อแท้ของคณิตศาสตร์มีความเป็นนามธรรมมากกว่ารูปธรรม ปัญหาที่พบในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 คือ นักเรียนส่วนหนึ่งขาดทักษะในการคิดวิเคราะห์ เพื่อให้ได้วิธีการแก้โจทย์ปัญหา ซึ่งโจทย์ปัญหาในระดับชั้นนี้ยังเป็นโจทย์ปัญหาในเรื่องของการบวก การลบ การคูณ และการหาร เมื่อวิเคราะห์ปัญหาข้างต้นพบว่านักเรียนส่วนใหญ่สามารถคิดคำนวณได้ถูกต้องถ้าทราบว่าโจทย์ข้อนั้นเป็นการบวก การลบ การคูณและการหาร กล่าวคือนักเรียนมีทักษะการบวก การลบ การคูณและการหารจำนวนได้ดี แต่ถ้าเป็นโจทย์ปัญหาที่นักเรียนไม่สามารถคิดวิเคราะห์วิธีการหาคำตอบว่าจะใช้วิธีการ การบวก การลบ การคูณ และการหาร ในการแก้โจทย์ปัญหาได้ ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยรวมของนักเรียนบางกลุ่มต่ำกว่าเกณฑ์ ทั้ง ๆ ที่นักเรียนมีความสามารถในการบวก ลบ คูณและหารได้อย่างคล่องแคล่วโดยที่การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 72 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้ามี 2 ชนิด คือ แบบฝึกเสริมทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชนิดเลือกตอบแบบ 3 ตัวเลือก 1 ฉบับ จำนวน 20 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ 0.23-0.84 ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.96 แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 9 ข้อ สถิติที่ใช้ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ร้อยละค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่า t-test

ผลการศึกษาค้นพบว่า แบบฝึกเสริมทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.90/80.30 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยหลังการใช้แบบฝึกเสริมทักษะ มีคะแนนสูงกว่าก่อนใช้ นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 อยู่ในระดับมากที่สุด

สรุป แบบฝึกเสริมทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ผู้รายงานสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลเพียงพอที่ครูผู้สอนสามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนได้