การพัฒนารูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model
ผู้วิจัย วัชจิรา ชูสิน
ปีที่วิจัย 2563
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นวิจัยและพัฒนารูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model เพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ผ่านกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครูโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครสงขลา มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการพัฒนารูปแบบการนิเทศ เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนของครูโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครสงขลา 2) เพื่อสร้างและตรวจสอบคุณภาพ(ร่าง)รูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model เพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ผ่านกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครูโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครสงขลา 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model เพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ผ่านกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครูโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครสงขลา 4) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model เพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ผ่านกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครูโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครสงขลา มีขั้นตอนดำเนินการ ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาการพัฒนารูปแบบการนิเทศ เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการ ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน คือ 1) การสนทนากลุ่มอย่างเป็นทางการของผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ในโรงเรียนสังกัดเทศบาลนครสงขลา 2) การศึกษาแนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับการนิเทศ รูปแบบการนิเทศ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและการตรวจสอบคุณภาพ(ร่าง)รูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model เพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ผ่านกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครูโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครสงขลา ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน คือ 1) การยกร่างรูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model 2) การตรวจสอบคุณภาพ(ร่าง)รูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน คือ 1) การจัดทำคู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติตามรูปแบบ 2) การทดลองใช้รูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model ได้ทำการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างครูโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครสงขลา จำนวน 5 โรงเรียน โดยหา 1.1) ประสิทธิภาพของรูปแบบตามเกณฑ์ที่วางไว้ 80/80 ได้ทำการทดลองกับครูกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 100 คน โดยแบ่งทีม PLC จำนวน 20 ทีม ๆ ละ 5 คน โดยแต่ละทีม ประกอบด้วย ครูผู้รับการนิเทศ (Model Teacher) จำนวน 1 คน และครูคู่นิเทศ (Buddy Teacher) จำนวน 4 คน ทำหน้าที่คู่นิเทศและให้การนิเทศครูผู้รับการนิเทศ โดยในแต่ละทีมจะนิเทศร่วมกับผู้บริหารสถานศึกษา (Administrator) พี่เลี้ยง (Mentor) ผู้เชี่ยวชาญ (Expert) รวม 3 คน นิเทศครูผู้รับการนิเทศ คนละ 3 วงรอบ ดำเนินการตามคู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศ 1.2) ประสิทธิผลของรูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model ได้ทำการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างที่คัดเลือกแบบเจาะจงจาก นักเรียนที่เรียนกับครูผู้รับการนิเทศ (Model Teacher) ขั้นตอนที่ 4 การประเมินผลการใช้รูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model โดยประเมินผลสรุปรวม (Summative Evaluation) ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน คือ 1) สอบถามความพึงพอใจเกี่ยวกับการใช้รูปแบบของผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้รับการนิเทศ ครูคู่นิเทศ และนักเรียนที่เรียนกับครูผู้รับการนิเทศ 2) สัมภาษณ์ความคิดเห็นผู้บริหารสถานศึกษา ครู และนักเรียน เกี่ยวกับการใช้รูปแบบการนิเทศ
ผลการศึกษา ขั้นตอนที่ 1 ผลการศึกษาการพัฒนารูปแบบการนิเทศ 1) ผลการประชุมสนทนากลุ่มอย่างเป็นทางการได้ประเด็นปัญหา และความต้องการเกี่ยวกับการพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอน พบว่า โรงเรียนต้องการให้แก้ปัญหาด้านเทคนิควิธีสอนในการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ หรือการจัดการเรียนรู้เชิงรุก และหาวิธีช่วยเหลือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และพัฒนาโดยใช้กระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพให้แก่ครู การพัฒนาผู้เรียนที่สอดคล้องกับศตวรรษที่ 21 2) ผลการศึกษาแนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับการนิเทศ รูปแบบการนิเทศ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก และชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ พบว่า ผลการสังเคราะห์ข้อมูล ได้แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับการนิเทศการศึกษา การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) กระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community) และรูปแบบ (Model) ในการ(ร่าง)รูปแบบการนิเทศ ขั้นตอนที่ 2 ผลการสร้างและตรวจสอบคุณภาพ(ร่าง)รูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model เพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ผ่านกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของครูโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครสงขลา พบว่า 1) ผลการยกร่างรูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model ได้รายละเอียดสำคัญ ได้แก่ ชื่อรูปแบบการนิเทศ คำชี้แจง วัตถุประสงค์ แนวคิดและหลักการที่ใช้ในรูปแบบการนิเทศ กิจกรรมและกระบวนการนิเทศ 2) ผลการตรวจสอบคุณภาพ(ร่าง)รูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model โดยรวมพบว่า(ร่าง)รูปแบบการนิเทศมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (x̄=4.35) และมีความสอดคล้อง (IOC) ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของรูปแบบ ตั้งแต่ 0.85 – 1.00 ขั้นตอนที่ 3 ผลการทดลองใช้รูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model พบว่า 1) ผลการจัดทำคู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศ สามารถใช้เป็นกรอบแนวทางการดำเนินการตามรูปแบบการนิเทศ 2) ผลการทดลองใช้รูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model พบว่า ประสิทธิภาพของรูปแบบจากคะแนนผลการนิเทศ (Model Teacher) จำนวน 20 คน โดยรวมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 84.72 และคะแนนผลการประเมินผลงานที่เป็นเลิศ (Best Practice) ของครูผู้รับการนิเทศ จำนวน 20 คน โดยรวมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 82.05 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่วางไว้ 80/80 และประสิทธิผลของรูปแบบจากคะแนนทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนกับครูผู้รับการนิเทศ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการทดสอบที ( t-test) พบว่า มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ขั้นตอนที่ 4 ผลการประเมินการใช้รูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model พบว่า 1) ความพึงพอใจเกี่ยวกับการใช้รูปแบบการนิเทศของผู้บริหารสถานศึกษาและครู มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.42) และความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนรู้ตามรูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model อยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.16) และ 2) ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ครู และนักเรียนต่อรูปแบบการนิเทศ KRUDEE Model มีความคิดเห็นว่า รูปแบบการนิเทศมีคุณภาพและมีความเหมาะสมต่อการพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้ของครู