การพัฒนาการเรียนรู้ในรูปแบบ ON-HAND ตามแนวคิดของบลูม
บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง การพัฒนาการเรียนรู้ในรูปแบบ ON-HAND ตามแนวคิดของบลูม ด้วยชุดการสอน
เรื่อง สารและการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้รายงาน นางชาคริยา ผูกพันธ์
ตำแหน่ง ครู โรงเรียนเทศบาล 2 หนองบัว เทศบาลนครอุบลราชธานี
การพัฒนาการเรียนรู้ในรูปแบบ ON-HAND ตามแนวคิดของบลูม ด้วยชุดการสอน เรื่อง สารและการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพชุดการสอนเพื่อพัฒนาการเรียนรูปในรูปแบบ ON-HAND ตามแนวคิดของบลูม เรื่อง สารและการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของชุดการสอนเพื่อพัฒนาการเรียนรูปในรูปแบบ ON-HAND ตามแนวคิดของบลูม เรื่อง สารและการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดการสอนเพื่อพัฒนาการเรียนรูปในรูปแบบ ON-HAND ตามแนวคิดของบลูม เรื่อง สารและการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/3 โรงเรียนเทศบาล 2 หนองบัว เทศบาลนครอุบลราชธานี ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 32 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือ 1) ชุดการสอนตามแนวคิดของบลูม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 7 ชุด 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียนซึ่งเป็นแบบทดสอบชุดเดียวกัน จำนวน 40 ข้อ และแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของแต่ละเล่ม ทั้ง 7 ชุด โดยแบ่งเป็นแบบทดสอบชุดที่ 1 เรื่อง สารและการจัดจำแนกสาร มีจำนวน 10 ข้อ แบบทดสอบชุดที่ 2 เรื่อง สมบัติและการเปลี่ยนสถานะของสาร มีจำนวน 10 ข้อ แบบทดสอบชุดที่ 3 การเปลี่ยนแปลงของสาร มีจำนวน 10 ข้อ แบบทดสอบชุดที่ 4 เรื่อง สารผสม มีจำนวน 10 ข้อ แบบทดสอบชุดที่ 5 เรื่อง การแยกสารเนื้อผสมด้วยวิธีการต่างๆ มีจำนวน 10 ข้อ แบบทดสอบชุดที่ 6 เรื่อง การแยกสารเนื้อเดียว มีจำนวน 10 ข้อ และแบบทดสอบชุดที่ 7 เรื่อง การใช้ประโยชน์จากการแยกสารผสมอย่างง่ายมีจำนวน 10 ข้อ
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และ การทดสอบลำดับพิสัยวิลคอกซอน ซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป
ผลการศึกษาพบว่า
1. ชุดการสอนเพื่อการพัฒนาการเรียนรู้ในรูปแบบ ON-HAND ตามแนวคิดของบลูมเรื่อง สารและการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า โดยรวม มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 82.72/83.54 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่านักเรียนที่เรียนด้วยชุดการสอนในรูปแบบ ON-HAND ตามแนวคิดบลูม เรื่อง สารและการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทุกเล่ม
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดการสอนในรูปแบบ ON-HAND ตามแนวคิดบลูม เรื่อง สารและการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมอยู่ในระดับมาก
ชื่อเรื่อง การพัฒนาการเรียนรู้ในรูปแบบ ON-HAND ตามแนวคิดของบลูม ด้วยชุดการสอน
เรื่อง สารและการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้รายงาน นางชาคริยา ผูกพันธ์
ตำแหน่ง ครู โรงเรียนเทศบาล 2 หนองบัว เทศบาลนครอุบลราชธานี
การพัฒนาการเรียนรู้ในรูปแบบ ON-HAND ตามแนวคิดของบลูม ด้วยชุดการสอน เรื่อง สารและการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพชุดการสอนเพื่อพัฒนาการเรียนรูปในรูปแบบ ON-HAND ตามแนวคิดของบลูม เรื่อง สารและการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของชุดการสอนเพื่อพัฒนาการเรียนรูปในรูปแบบ ON-HAND ตามแนวคิดของบลูม เรื่อง สารและการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดการสอนเพื่อพัฒนาการเรียนรูปในรูปแบบ ON-HAND ตามแนวคิดของบลูม เรื่อง สารและการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/3 โรงเรียนเทศบาล 2 หนองบัว เทศบาลนครอุบลราชธานี ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 32 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือ 1) ชุดการสอนตามแนวคิดของบลูม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 7 ชุด 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียนซึ่งเป็นแบบทดสอบชุดเดียวกัน จำนวน 40 ข้อ และแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของแต่ละเล่ม ทั้ง 7 ชุด โดยแบ่งเป็นแบบทดสอบชุดที่ 1 เรื่อง สารและการจัดจำแนกสาร มีจำนวน 10 ข้อ แบบทดสอบชุดที่ 2 เรื่อง สมบัติและการเปลี่ยนสถานะของสาร มีจำนวน 10 ข้อ แบบทดสอบชุดที่ 3 การเปลี่ยนแปลงของสาร มีจำนวน 10 ข้อ แบบทดสอบชุดที่ 4 เรื่อง สารผสม มีจำนวน 10 ข้อ แบบทดสอบชุดที่ 5 เรื่อง การแยกสารเนื้อผสมด้วยวิธีการต่างๆ มีจำนวน 10 ข้อ แบบทดสอบชุดที่ 6 เรื่อง การแยกสารเนื้อเดียว มีจำนวน 10 ข้อ และแบบทดสอบชุดที่ 7 เรื่อง การใช้ประโยชน์จากการแยกสารผสมอย่างง่ายมีจำนวน 10 ข้อ
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และ การทดสอบลำดับพิสัยวิลคอกซอน ซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป
ผลการศึกษาพบว่า
1. ชุดการสอนเพื่อการพัฒนาการเรียนรู้ในรูปแบบ ON-HAND ตามแนวคิดของบลูมเรื่อง สารและการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า โดยรวม มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 82.72/83.54 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่านักเรียนที่เรียนด้วยชุดการสอนในรูปแบบ ON-HAND ตามแนวคิดบลูม เรื่อง สารและการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทุกเล่ม
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดการสอนในรูปแบบ ON-HAND ตามแนวคิดบลูม เรื่อง สารและการแยกสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมอยู่ในระดับมาก