การพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน เรื่องแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจค
ชื่อผู้รายงาน นางสาววิลาสินี วาเลาะ
ปีที่ศึกษา 2563
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
บทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านตันหยงเปาว์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 18 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความ จำนวน 6 เล่ม 2) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ จำนวน 20 ชั่วโมง 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งเป็น
แบบทดสอบปรนัย 3 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อและ 4) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนจำนวน
10 ข้อ ซึ่งดำเนินการทดลองกับนักเรียนกลุ่มเดียว วัดผลก่อนเรียนและหลังเรียนการทดสอบ
แบบกลุ่มเดียว (One Group Pre-test Post-test Design) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ
ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์
ผลการศึกษาวิจัย พบว่า 1) ประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง แบบฝึกเสริมทักษะ
การอ่านจับใจความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่า
ประสิทธิภาพเท่ากับ 86.86/85.16 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ
นักเรียนที่ได้รับการเรียนรู้ด้วยเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความ
มีการพัฒนาด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการเรียนสูงขั้นกว่าก่อนการเรียนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ
94.44ซึ่งอยู่ในเกณฑ์พัฒนาการระดับสูง และ 3) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด